‘สรรพากร’ เล็งเก็บภาษีผลตอบแทน ‘G-Token’ เสมือนดอกเบี้ย

‘สรรพากร’ เล็งเก็บภาษีผลตอบแทน ‘G-Token’ เสมือนดอกเบี้ย

กรมสรรพากร เตรียมความพร้อมวางกรอบการจัดเก็บภาษีผลตอบแทน "G-Token" โทเคนดิจิทัลนวัตกรรมทางการเงินใหม่ให้เสมือนรายได้ดอกเบี้ย

นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพาการ เปิดเผยว่า กำลังเตรียมร่างกรอบการจัดเก็บภาษีผลตอบแทน "G-Token" ซึ่งเป็นโทเคนดิจิทัลนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เตรียมออกภายในเดือนก.ค.นี้ วงเงินราว 5,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ G-Token นี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับพันธบัตรรัฐบาลที่จ่ายดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือ โดย สบน. จะใช้เป็นช่องทางใหม่ในการกู้ยืมเงินจากประชาชนเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ แทนการออกตั๋วสัญญาใช้เงินหรือพันธบัตรแบบดั้งเดิม ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่

นายปิ่นสาย กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการจัดเก็บภาษี G-Token นั้น กรมสรรพากรจะยึดหลักสาระสำคัญเหนือรูปแบบ ซึ่งหมายความว่า แม้ G-Token จะอยู่ในรูปแบบดิจิทัล แต่สาระสำคัญคือ "ตราสารหนี้" ดังนั้น จึงต้องถูกจัดเก็บภาษีเสมือนตราสารหนี้ทั่วไป เพื่อสร้างความเป็นธรรมและความเท่าเทียมกันทางภาษี (tax neutrality) ซึ่งหมายความว่ารายได้ประเภทเดียวกันจะต้องเสียภาษีในอัตราเดียวกัน

สำหรับอัตราภาษีและทางเลือกของผู้ถือ G-Token นั้น รายได้ที่ผู้ถือได้รับจะถือเป็น "รายได้ดอกเบี้ย" ซึ่งจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% 

โดยผู้เสียภาษีสามารถเลือกได้ว่าจะให้การหักภาษี 15% นี้เป็นภาษีสุดท้าย (final tax) โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี หรือจะเลือกนำรายได้ดอกเบี้ยส่วนนี้ไปรวมคำนวณในการยื่นแบบฯ ประจำปีก็ได้ 

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับฐานภาษีของแต่ละบุคคล ซึ่งหากฐานภาษีต่ำกว่า 15% การนำไปรวมคำนวณอาจทำให้ได้รับเงินคืนภาษี

ในประเด็นการซื้อขายเปลี่ยนมือ G-Token ในตลาดรอง (Secondary Market) หากมีการซื้อขายและเกิดกำไรขึ้น กำไรส่วนนั้นโดยหลักการทั่วไปจะต้องเสียภาษี เว้นแต่จะมีกฎหมายระบุยกเว้นไว้ โดยกำไรดังกล่าวอาจถูกพิจารณาเป็น "capital gain" หรือ กำไรจากการขายทรัพย์สิน 

หลักการ "Substance Over Form"

นายปิ่นสาย อธิบายว่า กรมสรรพากรจะพิจารณาสาระสำคัญ (substance) ของสินทรัพย์ทางการเงินนั้นๆ ไม่ใช่แค่รูปแบบ (form) หากสาระสำคัญของ Token นั้นคือ ”ตราสารหนี้“ เช่น พันธบัตร ก็จะเก็บภาษีเหมือนดอกเบี้ย คือ 15% หัก ณ ที่จ่ายแล้วจบ

ทั้งนี้ หากสาระสำคัญคือ ”ตราสารทุน“ เช่น หุ้น ก็จะเก็บภาษีเหมือนตราสารทุน เช่น ถ้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ได้รับการยกเว้นภาษี ก็อาจจะยกเว้นให้

และหากสาระสำคัญคือ “สินค้า" ก็จะเก็บภาษีแบบสินค้า

ทั้งนี้ ในอนาคตที่จะมีการพัฒนานวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ๆ ออกมามากขึ้น แนวทางนี้ทำให้ภาระของกรมสรรพากรยากขึ้น เพราะต้องศึกษาและทำความเข้าใจสาระสำคัญของสินทรัพย์แต่ละประเภท โดยเฉพาะกรณีที่มีลักษณะเป็นลูกผสม (Hybrid)

อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายที่กรมสรรพากรกำลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปัจจุบัน จะมุ่งเน้นไปที่การจัดเก็บภาษีจากดอกเบี้ยที่ผู้ถือ G-Token ได้รับโดยตรงเป็นหลัก ส่วนความชัดเจนเรื่องการเปลี่ยนมือในตลาดรองยังต้องติดตามต่อไป แต่หากเป็นการซื้อและถือจนครบกำหนดไถ่ถอน จะเสียภาษีจากดอกเบี้ยที่ 15%

"ขณะนี้ กรมสรรพากรกำลังอยู่ในขั้นตอนการร่างประกาศกรมฯ เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม. เกี่ยวกับแนวทางการจัดเก็บภาษี G-Token ซึ่งจะแยกเป็นเรื่องเฉพาะ คาดว่าจะเสนอเป็นกฎกระทรวง"