'ออมสิน' จ่อปิดบัญชี ตัดหนี้สูญสินเชื่อโครงการรัฐสู้โควิด 5 แสนบัญชี NPL วงเงินต่ำแสน

'ออมสิน' จ่อปิดบัญชี ตัดหนี้สูญสินเชื่อโครงการรัฐสู้โควิด 5 แสนบัญชี NPL วงเงินต่ำแสน

“ออมสิน” ระบุรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน จ่อแฮร์คัทหนี้รายย่อย 3.5 ล้านคน ส่วนของออมสินกว่า 5 แสนคน ปลดสถานะลูกหนี้ NPL กลับเข้าถึงสินเชื่อในระบบ

KEY

POINTS

  • ออมสินเดินหน้าแก้หนี้เสียรายย่อย 5 แสนราย
  • ออกมาตรการซอฟต์โลน 1 แสนล้านบาทรับมือเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง
  • ชี้หนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาโครงสร้างและร้องความร่วมมือสถาบันการเงิน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลังแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนกลุ่มที่เป็นหนี้เสียวงเงินไม่สูงมากนัก แต่ลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวมีถึง 3.5 ล้านคน ซึ่งการเร่งแก้ปัญหาให้ลูกหนี้กลุ่มนี้จะช่วยทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนลดลงได้ รวมทั้งเป็นการช่วยเหลือระดับปัจเจกบุคคลให้กลับมาเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ โดยรัฐบาลจะพิจารณานำวงเงินส่วนหนึ่งมาชำระให้

“เมื่อถอยออกมาดูภาพใหญ่จะพบว่าหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างหลักของประเทศจริงๆ ซึ่งการที่ไทยมีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในระดับสูงทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคหายไป อีกทั้งทำให้แบงก์ไม่กล้าปล่อยสินเชื่อใหม่เนื่องจากต้นทุนความเสี่ยงสูง”

ทั้งนี้ ออมสินดำเนินโครงการแก้ปัญหาให้ลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียต่อเนื่อง และเตรียมดำเนินโครงการยกหนี้หรือผ่อนปรนหนี้ให้กับกลุ่มดังกล่าว 5 แสนคนจากทั้งหมด 3.5 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นหนี้ไม่เงินไม่สูง 5,000-10,000 บาท อีกทั้งกลุ่มเหล่านี้เป็นหนี้จากช่วงโควิด โดยออมสินสามารถดำเนินการได้เองโดยไม่ใช้งบประมาณ ซึ่งได้เสนอโครงการไปยังกระทรวงการคลังแล้วเตรียมเสนอที่ประชุม ครม.ต่อไป

นายวิทัย กล่าวว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาที่รุนแรง แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการตัดหนี้ ทำให้ยอดหนี้ในภาพรวมลดลง ขณะเดียวกันการที่เศรษฐกิจให้ขยายตัวได้มากขึ้นก็จะทำให้สัดส่วนหนี้ลดลงมาได้ตามธรรมชาติ และเมื่อลงมาสู่ระดับ 80% ต่อจีดีพี เศรษฐกิจจะกลับมาแข็งแรงได้

นอกจากนี้ การลดดอกเบี้ยเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนลดลงได้ สำหรับหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยลดลงจะทำให้การผ่อนชำระตามปกติไปตัดเงินต้นมากขึ้น และทำให้หนี้ครัวเรือนในภาพรวมลดลง โดยออมสินมีการดำเนินโครงการอยู่แล้ว อาทิ ลดดอกเบี้ย และไม่คิดดอกเบี้ยเลย ให้ตัดแต่เงินต้น

“ออมสิน” รับครึ่งปีหลังท้าทาย

นายวิทัย กล่าวต่อว่า ช่วงครึ่งหลังปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย ทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐที่ไม่ชัดเจนส่าจะสิ้นสุดและถูกบังคับใช้เมื่อใด รวมถึงปัจจัยภายในจากปัญหาเชิงโครงสร้าง จากภาคการท่องเที่ยวที่เป็นกำลังขับเคลื่อนที่แผ่วลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่น้อยลงแม้จะชดเชยจากนักท่องเที่ยวยุโรปบ้าง

ทั้งนี้เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจและลดภาระผู้ประกอบการ โดยออมสินเตรียมมาตรการซอฟต์โลน 100,000 ล้านบาท ใช้งบดุลของธนาคารเองเพื่อส่งต่อไปยังธนาคารพาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.01% เพื่อให้ธนาคารนำไปปล่อยกู้ต่อให้ผู้ประกอบการอัตรา 3.5% ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยของผู้ประกอบการที่เคยสูงถึง 7-8%

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของซอฟต์โลนนี้คือ ผู้ประกอบการส่งออก (Exporter) ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศ รวมถึง SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาจากสินค้าต่างประเทศ และธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวและซัพลายเชนที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ออมสินยังมีโครงการ ลดดอกเบี้ย 2-3% สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าเดิมของธนาคารที่ได้รับผลกระทบ เพื่อช่วยบรรเทาภาระต้นทุนทางการเงินในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

ส่วนช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจไทยยังมีความน่ากังวลและมีปัญหารุมเร้าหลายเรื่องแต่เชื่อว่าไม่ถึงกับเป็นสภาวะวิกฤติ และเชื่อมั่นว่ายังกอบกู้ได้โดยสถาบันการเงินรัฐและพาณิชย์ต้องร่วมกันเข้ามามีส่วนในการประคับประคองเศรษฐกิจ โดยการพิจารณาลดกำไร ออกโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและบรรเทาผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ

“ถึงแม้ขณะนี้เศรษฐกิจมีปัญหารุมเร้า แต่เชื่อมั่นและมั่นใจว่าหากแบงก์รัฐ แบงก์พาณิชย์ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันออกมาตรการผลักดัน บรราเทาผลกระทบ และลดกำไรลงมาบ้าง น่าทำให้สถานการณ์ค่อยๆ ผ่อนคลายและผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้” นายวิทัยกล่าว