ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นต่อเนื่อง ดอลลาร์อ่อนค่า โลกตึงเครียด

ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 จากดอลลาร์อ่อนค่าลงส่งผลให้สินค้าโภคภัณฑ์น่าสนใจมากขึ้น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ลดโอกาสรัสเซีย-อิหร่านผลิตน้ำมันเพิ่ม
บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (3 มิ.ย.)ว่า ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 จากการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงส่งผลให้สินค้าโภคภัณฑ์มีความน่าสนใจมากขึ้น และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้โอกาสที่รัสเซียและอิหร่านจะเข้ามาผลิตน้ำมันเพิ่มเติมมีจำกัด
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต(WTI) วันนี้ซื้อขายใกล้ระดับ 63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้น 2.9% ในวันจันทร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ระดับสูงกว่า 64 ดอลลาร์ในวันจันทร์ โดยดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2023 โดยธนาคารในตลาดวอลล์สตรีทต่างย้ำว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลงอีก
ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ รัสเซียและยูเครนได้สรุปการเจรจารอบที่ 2 ในอิสตันบูล ซึ่งไม่สามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้จุดยุติสงครามได้ ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐฯ จะไม่อนุญาตให้มีการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมใดๆ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงกับอิหร่าน ขณะที่เตหะรานผลักดันให้มีการยืนยันว่าข้อตกลงจะรวมถึงการยกเลิกการคว่ำบาตรด้วย
ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง 5.1% ในวันจันทร์ หลังจากกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) เพิ่มอุปทานตามคาด คลายความกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันสูงเกินไป และนำไปสู่การยกเลิกการคาดการณ์ขาลงที่ทำไว้ล่วงหน้าก่อนการตัดสินใจในช่วงสุดสัปดาห์ของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก
ราคาน้ำมันยังลดลง 12% ปีนี้
แต่ราคาน้ำมันยังคงลดลงประมาณ 12% ในปีนี้ เนื่องมาจากความกังวลว่าสงครามการค้าจะลดความต้องการใช้น้ำมันลง และเนื่องจากกลุ่ม OPEC+ เลิกใช้กลยุทธ์เดิมในการป้องกันราคาที่สูงขึ้นด้วยการควบคุมการผลิต
อัปเดตราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบ WTI สำหรับการส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 0.8% อยู่ที่ 63.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 7.41 น.วันนี้ ตามเวลาในสิงคโปร์
น้ำมันดิบเบรนท์ สำหรับการส่งมอบเดือนสิงหาคมปิดสูงขึ้น 1.1% อยู่ที่ 64.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันจันทร์







