ยูเครนถล่มรัสเซียครั้งใหญ่ ดันราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแรง 

ยูเครนถล่มรัสเซียครั้งใหญ่  ดันราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแรง 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ และ WTI พุ่งขึ้นท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในยูเครนและอิหร่าน ขณะที่กลุ่มโอเปกพลัสเดินหน้าต่อเพิ่มการผลิตน้ำมัน

บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (2 มิ.ย.)ว่า ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในยูเครนและอิหร่าน ขณะที่กลุ่มโอเปกพลัสเดินหน้าเพิ่มการผลิตน้ำมัน 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนสิงหาคมพุ่งขึ้นถึง 2.1% สู่ระดับ 64.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลง 2.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) อยู่ต่ำกว่า 62 ดอลลาร์ องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรตกลงกันเมื่อวันเสาร์ที่จะเพิ่มปริมาณการผลิต 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม 

การตัดสินใจดังกล่าวขัดต่อรายงานเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วที่ระบุว่ากลุ่มกำลังพิจารณาเร่งการผลิตให้กลับมาผลิตได้อีกครั้งในปริมาณที่สูงขึ้นมาก ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันลดลงในวันศุกร์ การเพิ่มโควตาดังกล่าวสอดคล้องกับที่กำหนดไว้สำหรับเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน และสอดคล้องกับการคาดการณ์ในการสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ที่ถามความเห็นผู้ค้าและนักวิเคราะห์ 32 ราย

  • ตลาดหวั่นผลกระทบยูเครนโจมตีรัสเซียครั้งใหญ่ 

ความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นช่วยหนุนราคา ยูเครนได้จัดการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ทั่วประเทศรัสเซีย โดยส่งโดรนที่ซ่อนไว้ในรถบรรทุกเข้าไปโจมตีสนามบินสำคัญต่างๆ ในประเทศซึ่งอยู่ไกลถึงไซบีเรียตะวันออก ยูเครนอ้างว่าได้ทำลายเครื่องบินรบและเครื่องบินทิ้งระเบิดไปมากกว่า 40 ลำ รวมเครื่องบินที่มีศักยภาพติดหัวรบระเบิดนิวเคลียร์ การโจมตีเมื่อวันอาทิตย์นับเป็นการโจมตีกลับรัสเซียครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งนับแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อสามปีที่แล้ว ผู้นำยูเครนอ้างว่าเป็นการโจมตีจากระยะไกลที่ใหญ่ที่สุดนับแต่สงครามระเบิดขึ้น ฝ่ายรัสเซียยอมรับว่าฐานทัพอากาศของตน 5 แห่งถูกโจมตี

ในขณะเดียวกัน มอสโกก็ได้เปิดฉากโจมตีเคียฟด้วยโดรนและขีปนาวุธซึ่งเป็นหนึ่งในการโจมตีที่ยาวนานที่สุดของประเทศ ส่งผลให้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นก่อนการเจรจาสันติภาพครั้งสำคัญในสัปดาห์นี้

  • โครงการนิวเคลียร์อิหร่านหนุนราคาน้ำมันขึ้น

สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAE) ระบุว่าอิหร่านผลิตยูเรเนียมในปริมาณมากเป็นประวัติการณ์ โดยเสริมสมรรถนะยูเรเนียมต่ำกว่าระดับที่จำเป็นสำหรับอาวุธนิวเคลียร์เพียงเล็กน้อย สาธารณรัฐอิสลามได้วิพากษ์วิจารณ์รายงานดังกล่าว ซึ่งทำให้ความพยายามในการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาความกังวลของนานาชาติเกี่ยวกับความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐอิสลามมีความซับซ้อนมากขึ้น

ราคาน้ำมันดิบยังคงลดลงเกือบ 15% ในปีนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงการที่โอเปกพลัส เลิกใช้กลยุทธ์เดิมในการป้องกันราคาที่สูงขึ้นด้วยการลดการผลิต

เจ้าหน้าที่โอเปกพลัสกล่าวว่าการเพิ่มโควตาสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาของซาอุดีอาระเบียที่จะลงโทษสมาชิกที่ผลิตมากเกินไป เช่น คาซัคสถานและอิรัก สมาชิกบางราย รวมทั้งรัสเซีย แอลจีเรีย และโอมาน ต้องการให้หยุดพักการเพิ่มการผลิต ผู้แทนในที่ประชุมกล่าว

 ทางกลุ่มจะประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 6 กรกฎาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับระดับการผลิตน้ำมันดิบในเดือนสิงหาคม

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับการส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.9% อยู่ที่ 63.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 6.40 น. ตามเวลาในสิงคโปร์ซึ่งเร็วกว่าไทยหนึ่งชั่วโมง

ราคาน้ำมันดิบ WTI สำหรับการส่งมอบเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 2.1% อยู่ที่ 62.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล