‘บพท.’ หนุนงานวิจัยระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมไทยสู่ 'ซัพพลายเชนโลก'

‘บพท.’ หนุนงานวิจัยระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมไทยสู่ 'ซัพพลายเชนโลก'

บพท. หนุนโครงการวิจัยพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภูมิภาค เพื่อสร้างไทยเป็นศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดันไทยเชื่อมโลกทุกมิติ ปูทางประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ

ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวเปิดเวทีการนำเสนอโครงการวิจัยพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภูมิภาคเพื่อสร้างไทยเป็นศูนย์กลางแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่โรงแรมพูลแมน โดยระบุว่า โครงการวิจัยนี้มุ่งแสวงหาคำตอบเพื่อเติมเต็มข้อค้นพบจากงานวิจัยของ บพท. ว่าด้วยการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเพื่อเชื่อมไทยเชื่อมโลก กระจายความอยู่ดี มีสุขแก่ประชาชนให้เป็นไปอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ ภายใต้องค์ประกอบหลักสำคัญ 3 ประการคือ

  1. พัฒนาการเชื่อมโยง (Connectivity)
  2. การพัฒนากลุ่มธุรกิจ (Cluster Development)
  3.  การพัฒนาเมือง (Country Development) โดยตระหนักดีว่าเรื่องของ connectivity ในระดับภูมิภาค มีความสําคัญอย่างมากต่อการยกระดับความเป็นศูนย์กลางในระดับสากล (Thai Centrality)

"งานวิจัยที่นำโดย ศ.ดร.รุธิร์ พนมยงค์ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และจากเวทีประชุมวันนี้ จะทำให้รับทราบคำตอบเติมเต็มช่องว่างของโครงสร้างพื้นฐานทุกมิติ เพื่อส่งมอบให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้รับผิดชอบในการที่ทําให้โครงสร้างพื้นฐานของไทยถูกพัฒนาต่อไป โดยมี คีย์เวิร์ด (keyword) สำคัญ 3 คํา ได้แก่  ต้นทุน (Cost) เวลา (Time) และ  คุณภาพบริการ (Quality of Services) ในมิติต่างๆ"

‘บพท.’ หนุนงานวิจัยระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมไทยสู่ 'ซัพพลายเชนโลก'

ดร.ปุ่น กล่าวด้วยว่า การที่ไทยจะเข้าร่วมต่อประชาคมโลกของ แผนงานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative-BRI) หรือว่าอินโดแปซิฟิก (Indo-Pacific) สิ่งที่สําคัญคือ ความสามารถในการเชื่อมต่อของภูมิภาคของเราต่อระบบโลก ซึ่งการเชื่อมต่อนั้น ไม่ใช่แค่ในมิติของสินค้า หรือกายภาพเท่านั้น แต่จะต้องลงไปลึกถึงในเรื่องของมิติอื่น ๆ ด้วย โดยสิ่งที่สําคัญที่สุด คือมิติของพลเมือง

‘บพท.’ หนุนงานวิจัยระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมไทยสู่ 'ซัพพลายเชนโลก'

"งานวิจัยชุดนี้ ไม่ได้เป็นแค่งานวิชาการ แต่ บพท. ต้องการ แรงบันดาลใจจากคณะทำงาน ดร.รุธิร์และทุกคนในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของระบบห่วงโซ่อุปทาน ของโลก และมีโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบโลกใหม่ได้เช่นกัน”

‘บพท.’ หนุนงานวิจัยระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมไทยสู่ 'ซัพพลายเชนโลก'

ศ.ดร.รุธิร์ พนมยงค์ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภูมิภาคเพื่อสร้างไทยเป็นศูนย์กลางแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก บพท. ชี้แจงว่า โครงการวิจัยนี้ได้นำกรอบวิจัยของ บพท. มาพิจารณาต่อยอดกับชุดข้อมูลเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดชายแดน ซึ่งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติริเริ่มไว้ โดยแปลงแนวความคิดจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไปสู่ระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ไปถึงประเทศคู่ค้าสำคัญ

โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (Thai Centrality) ด้วยการใช้ฐานความเป็นภาคีกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ความเป็นภาคีกลุ่มประเทศพัฒนาเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และความเป็นภาคีสมาชิกกลุ่มบริคส์ (BRICS) มาเป็นแนวทางกำหนดกรอบวิจัย

‘บพท.’ หนุนงานวิจัยระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมไทยสู่ 'ซัพพลายเชนโลก'

"เราวางกรอบวิจัยออกเป็น 5 ระเบียงเศรษฐกิจ ประกอบด้วยระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลาง-ตะวันตก และระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านทุกทิศทาง รวม 8 ประเทศได้แก่ลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย ศรีลังกา"

ศ.ดร.รุธิร์ กล่าวว่า ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ จะมีเชียงใหม่-เชียงราย-ลำพูน-ลำปาง เป็นแกน ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีขอนแก่น-นครราชสีมา-อุดรธานี-หนองคาย เป็นแกน ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก มีฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง-ปราจีนบุรี-สระแก้ว เป็นแกน ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลางและตะวันตก มีพระนครศรีอยุธยา-นครปฐม-สุพรรณบุรี-กาญจนบุรี เป็นแกน และระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ มีชุมพร-ระนอง-สุราษฏร์ธานี-นครศรีธรรมราช เป็นแกน

 "ในกระบวนการวิจัยจะให้ความสำคัญกับการแสวงหาคำตอบเพื่อการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ สร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชนในพื้นที่ และนำสู่ความมั่นคงของประเทศ ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงของธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก"

แนะ 7 ยุทธศาสตร์หลัก

อย่างไรก็ตามหัวหน้าโครงการวิจัยนี้กล่าวว่า ความสำเร็จของระเบียงเศรษฐกิจ และประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของโลก ต้องขับเคลื่อนร่วมกันในลักษณะ "ไตรภาคี" ประกอบด้วยภาครัฐ-ภาค เอกชน-ภาควิชาการ ขณะเดียวกันยังต้องขับเคลื่อนภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์หลักคือ

1.การพัฒนาและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเชื่อมโยงด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาค

2.การเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกทางการค้าข้ามแดนและผ่านแดน

3.สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศให้สอดคล้องและสนับสนุนกับบริบทของการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน

4.พัฒนาการให้บริการการขนส่งและบริการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน

5.การเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกทางการค้าข้ามแดนและผ่านแดน

6.ส่งเสริมการ ศึกษาวิจัยเพื่อสร้างความเป็นผู้นำสำหรับการเชื่อมโยงโลจิสติกส์และการสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ

และ 7.ศูนย์กลางการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทั้งในประเทศและประเทศในภูมิภาค