ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงเป็นสัปดาห์ที่สอง กลัวน้ำมันล้นตลาด

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงเป็นสัปดาห์ที่สองก่อนการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่จะพิจารณาเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบต่อไปหรือไม่ ผู้ค้ากังวลน้ำมันจะล้นตลาด
บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (30 พ.ค.)ว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงเป็นสัปดาห์ที่สองก่อนการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่จะพิจารณาเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบต่อไปหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มีการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตอีกครั้ง
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ตลาดล่วงหน้าร่วงลงต่ำกว่า 64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลง 1.2% เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต(WTI) เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ 61 ดอลลาร์ กลุ่มย่อยที่นำโดยซาอุดีอาระเบียมีกำหนดประชุมในวันเสาร์เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับระดับการผลิตในเดือนกรกฎาคม โดยการเจรจาเบื้องต้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้หารือถึงการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน
“นักลงทุนต่างรอคอยการประชุมของกลุ่มโอเปกในวันเสาร์เพื่อหารือถึงระดับการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตอย่างใจจดใจจ่อ” ปริยันกา ซัชเดวา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสจากบริษัทนายหน้า Phillip Nova Pte ในสิงคโปร์กล่าว “ตลาดน้ำมันควรเตรียมรับมือกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้น โดยมีความเสี่ยงที่ราคามีแนวโน้มลดลง”
การฟื้นตัวของการผลิตน้ำมันที่หยุดชะงักของกลุ่มโอเปกและพันธมิตรในอัตราที่เร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะล้นตลาดและส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง ความหวาดกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอันเนื่องมาจากการขึ้นภาษีและมาตรการตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังกดดันราคาน้ำมันอีกแรง
แม้ว่าการขึ้นภาษีครั้งใหญ่ของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อตลาดโลก แต่ขณะนี้กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางกฎหมาย ศาลการค้าของสหรัฐฯ ได้ระงับการเรียกเก็บภาษีบางส่วนของประธานาธิบดีในสัปดาห์นี้ โดยถือว่าการเรียกเก็บภาษีเหล่านี้ผิดกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางมีคำสั่งให้ผ่อนผันคำตัดสินดังกล่าวเป็นการชั่วคราวโดยให้ภาษียังคงอยู่ต่อไป
ในขณะเดียวกัน ปริมาณคลังสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ หดตัวลง 2.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการหดตัวสูงสุดในรอบประมาณ 2 เดือน ตามข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานในวันพฤหัสบดี นอกจากนี้ ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินยังลดลงด้วยเช่นกัน






