'สุริยะ' แจงตึกคมนาคมแห่งใหม่ รับพนักงาน 80,000 คน เกินจะคุ้ม

“สุริยะ” โต้กลับปมใช้งบสร้างกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ 22 ชั้น พื้นที่ทั้งหมด 115,196 ตารางเมตร เพื่อรองรับ 22 หน่วยงาน ข้าราชการและพนักงานรวมกันกว่า 80,000 คน เกินที่จะคุ้ม
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 โดยระบุว่า กรณีที่นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ได้อภิปรายถึงกรณีของการก่อสร้างอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่นั้น ตนขอชี้แจงว่า กระทรวงคมนาคมในปัจจุบัน ก็มีอายุการใช้งานมาแล้วกว่า 71 ปี สภาพปัญหาความแออัด ความคับแคบ ของอาคารสำนักงานกระทรวงคมนาคม
โดยไม่ว่าจะเป็น เรื่องที่จอดรถ ซึ่งไม่เพียงพอ ทุกวันจะมีรถจอดล้ำเข้าไปบนถนนหน้ากระทรวง ไม่ต่ำกว่า 2 ช่องจราจร และเวลาที่มีการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน ซึ่งจะมีหัวหน้าหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ถึง 22 หน่วยงานมาประชุมร่วมกัน การจราจรหน้ากระทรวงจะติดขัด เกิดปัญหากับพี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมาในทุกครั้ง รวมถึงประชาชนที่มาติดต่อกับกระทรวงก็ไม่สะดวก หาที่จอดรถไม่ได้ สร้างปัญหาในการให้บริการกับพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ พื้นที่ทำงานที่จะต้องรองรับหน่วยงานสำนักงานปลัดฯ ไม่เพียงพอ ทำให้หน่วยงานต้องกระจายไปอยู่ในที่ต่างๆ กันถึง 5 ที่ ทำให้การประสานการทำงานของกระทรวงไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร จากปัญหาเหล่านี้จึงทราบว่า ผู้บริหารกระทรวงคมนาคมในอดีต ได้มีการเตรียมการออกแบบอาคารใหม่ของกระทรวงคมนาคมไว้แล้ว ตั้งแต่ปี 2559 โดยใช้พื้นที่ของกรมท่าอากาศยานในซอยงามดูพลี แต่พบว่ามีความคับแคบเกินกว่าที่จะเป็นที่ตั้งของกระทรวงคมนาคม อีกทั้งมีทางเข้าออกที่คับแคบ ไม่เหมาะที่จะเป็นที่ตั้งของอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่
ทั้งนี้ จึงได้มีการพิจารณาที่จะปรับแบบ มาใช้พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในบริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเดินทางด้วยระบบรางในอนาคต ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟชานเมือง รถไฟระหว่างเมือง รถไฟความเร็วสูง รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบอื่นๆ เหมาะแก่การให้บุคลากรและเจ้าหน้าที่ ของกระทรวงคมนาคม เดินทางมาทำงานได้ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ สามารถเป็นแบบอย่างให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทางในเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดโดยรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ตามยุทธศาสตร์ของกระทรวง
แต่เหตุผลที่ยังไม่ได้ดำเนินการของบประมาณมาก่อสร้าง เนื่องจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้รัฐบาลในขณะนั้นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการแก้ปัญหา ท่านปลัดฯ จึงพิจารณาว่า ยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมที่จะเสนอของบประมาณมาก่อสร้างกระทรวง ที่จะทำให้เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณของประเทศในขณะนั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อเห็นว่าปัญหาสถานการณ์โควิด ได้ล่วงเลยมาเป็นเวลานานแล้ว ขณะนี้จึงจำเป็นที่ต้องพิจารณาแก้ปัญหาความแออัดของกระทรวงคมนาคม จึงได้หารือสำนักงบประมาณ เพื่อของบประมาณมาจัดสร้างกระทรวงคมนาคม ที่จะเริ่มในปีงบประมาณ 2569 ทั้งหมดนี้ คือเหตุผลความจำเป็น
ส่วนกรณีแบบก่อสร้างตึกกระทรวงคมนาคม มี 22 ชั้น ต้องตอบให้ชัด ว่าใครจะไปอยู่บ้าง และเอาพื้นที่ 100,000 กว่า ตร.ม. ไปทำอะไร และมีห้อง Auditorium และห้องประชุม Conventional hall 1,000 ตร.ม. ใหญ่กว่าห้องประชุมอื่นๆ ดูแล้วราคาเกินจริง ไม่หมาะสมนั้น ผมขอชี้แจงว่า การดำเนินการของกระทรวงคมนาคมนั้น ดำเนินการ โดยมีเหตุและผล คำนึงถึงความคุ้มค่าของภาษีของพี่น้องประชาชน ไม่ได้เป็นไปตามความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่ได้พิจารณาถึงข้อมูลที่แท้จริง ตามที่ สส. สุรเชษฐ์ กล่าวหา
ทั้งนี้อาคารที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ เป็นอาคารสำนักงานของกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีหน่วยงานในสังกัดทั้งหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ รวมกันถึง 22 หน่วยงาน มีบุคลากรทั้งข้าราชการ และพนักงานรวมกันกว่า 80,000 คน โดยอาคารนี้นอกจากที่จะสนับสนุนผู้ใช้ที่อยู่ทำงานประจำ ให้สภาพการทำงานที่เหมาะสม ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ยังต้องออกแบบให้รองรับการประชุม การสัมมนา ร่วมกันของหน่วยงานในสังกัดทั้งหมด รวมถึงมีห้องประชุมสั่งการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมในกรณีฉุกเฉินเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน
สำหรับพื้นที่อาคารนี้ประกอบไปด้วยพื้นที่ทั้งหมด 115,196 ตารางเมตร แบ่งเป็น
- พื้นที่ห้องทำงาน 12,505 ตารางเมตร เพื่อรองรับบุคลากรสำนักงานปลัดฯ/ สำนักงานรัฐมนตรี / และหน่วยงานระดับกรมอีก 5 กรม จำนวนประมาณ 1,200 คน
- พื้นที่ส่วนกลาง 45,897 ตารางเมตร
- ห้องประชุม 8,915 ตารางเมตร
- พื้นที่จอดรถ 47,842 ตารางเมตร
โดยพื้นที่ส่วนที่ 2-4 นี้ใช้ร่วมกันของบุคลากรใน 22 หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคมกว่า 80,000 คน ดังนั้นหากคิดง่ายๆ ว่าตลอดระยะเวลาการใช้งาน มีผู้มาใช้ซัก 5% ของจำนวนข้าราชการและพนักงานทั้งหมด ก็มีผู้ที่หมุนเวียนมาใช้ประโยชน์ของอาคารดังกล่าว ไม่น้อยกว่า 4,000 คน รวมไปถึงว่า อายุการใช้งานของอาคาร 50 ปี ดังนั้น คิดแค่นี้ก็เกินที่จะคุ้ม เป็นการลดค่าใช้จ่ายงบประมาณของประเทศในระยะยาว
เนื่องจากการวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการลงทุนโครงการนั้นจะต้องคิดตลอดอายุการใช้งานอาคาร (Life Cycle Cost) ทั้งค่าการลงทุนเริ่มต้น (Initial Investment Cost) บวกกับค่าใช้จ่ายในแต่ละปี (Operation Cost) ไม่ใช่เพียงแค่ดูจากค่าลงทุนก่อสร้างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมถึงการประหยัดงบประมาณที่เป็นภาษีของพี่น้องประชาชน โดยขอหยิบยกเฉพาะเรื่องเดียว คือ การลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่หน่วยงานในสังกัด 22 หน่วยงานต้องไปเช่าโรงแรม เพื่อจัดอบรมสัมมนาในแต่ละปี ตกเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 120 ล้านบาท หากคำนวณไปเฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว ในระยะเวลา 30 ปี ก็คุ้มค่าก่อสร้างอาคารทั้งหมดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นคำตอบสำหรับชี้แจงหักล้างในส่วนของข้อกล่าวหาที่ว่า ทำไมต้องมีห้อง Auditorium และห้องประชุมขนาดใหญ่โต ก็เพื่อรองรับการใช้ประโยชน์ของพนักงาน และข้าราชการทั้งหมดของหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคม ที่มีอยู่กว่า 80,000 คน







