คำตัดสินศาล ‘ภาษีทรัมป์’ สะเทือนการค้าโลก

การตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ ให้ยกเลิกบังคับใช้ภาษีตอบโต้ที่รัฐบาล ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ใช้กับประเทศคู่ค้า นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ระบบการค้าโลก คำตัดสินนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงหลักการ ‘อำนาจที่สมดุล’ ระหว่างฝ่ายบริหารและตุลาการเท่านั้น
แต่ยังมีนัยสำคัญต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศในอนาคต และอาจส่งผลกระทบในเชิงโครงสร้างต่อห่วงโซ่อุปทานโลกที่เปราะบางอยู่แล้ว หลังทั่วโลกต้องเผชิญกับความตึงเครียดทางการค้า
คำตัดสินของศาลชี้ว่า ‘ทรัมป์’ ใช้อำนาจเกินขอบเขตกฎหมาย นั่นทำให้ภาษีดังต่อไปนี้ถูกยกเลิก ภาษีศุลกากรตอบโต้ 10% , ภาษีศุลกากรตอบโต้ รายประเทศ , ภาษีแคนาดา-เม็กซิโก 25% , ภาษีจีน 20% (เฟนทานีล) คำตัดสินครั้งนี้ ไม่รวมภาษีรายเซกเตอร์ ที่มีผลไปแล้วก่อนหน้านี้ ได้แก่ ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม 25% มาตรา 232 และ ภาษีรถยนต์และชิ้นส่วน 25% มาตรา 232 ซึ่งมีผลแล้ว
อย่างไรก็ตาม คำตัดสินดังกล่าวยังไม่ได้เป็นที่สิ้นสุด เพราะ “ทรัมป์” เองก็จะไม่ยอมและจะอุทธรณ์ คำตัดสินของศาลครั้งนี้ มีผลบังคับใช้ “ทันที” จนกว่าจะมีคำตัดสินในชั้นศาลที่สูงกว่ามาหักล้าง
อย่างไรก็ตาม แม้จะลดความกังวลเรื่องสงครามการค้าไปได้บ้าง แต่ความไม่แน่นอนอาจยังคงอยู่ เราไม่สามารถประมาทได้ นักลงทุนทั่วโลกอาจมีความมั่นใจมากขึ้นสำหรับการวางแผนการลงทุนในระยะต่อไป แม้จะดูเป็นผลบวกในเชิงกฎหมายและการค้าระหว่างประเทศ แต่ระยะสั้นอย่างที่บอก อาจเกิดความไม่แน่นอนขึ้นได้ทุกเมื่อเช่นกัน โดยเฉพาะในประเทศที่เคยใช้มาตรการตอบโต้กลับสหรัฐ
หากการยกเลิกภาษีเหล่านี้เกิดขึ้นทันที โดยไม่มีการปรับตัวล่วงหน้า อุตสาหกรรมภายในของบางประเทศอาจเผชิญการแข่งขันรุนแรงขึ้น จากสินค้าสหรัฐที่กลับมาในราคาถูกลง ทั้งต้องจับตาว่ารัฐบาลสหรัฐจะหาทางอื่นในการคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในหรือไม่ เช่น อุดหนุนหรือสนับสนุนด้านอื่นแทนเก็บภาษี
คำตัดสินศาลสหรัฐครั้งนี้ อาจจะสะเทือนโลกได้ระดับหนึ่ง แต่ประเทศไทยต้องไม่ลืมว่า “โลกการค้าใหม่” ไม่ได้เกิดจากคำตัดสินของศาลแค่ครั้งเดียว หากต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกประเทศสร้างระบบที่เป็นธรรม โปร่งใส และยั่งยืน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวขึ้นอยู่ความสามารถในการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่หวังพึ่งคำพิพากษาเพียงชั่วคราว...
ประเทศไทยเองต้องไม่หยุดอยู่ที่การรับผลประโยชน์จากคำตัดสินนี้ แต่ต้องเดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพิ่มความสามารถแข่งขัน และสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน เพราะท้ายที่สุดแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ย่อมเริ่มจากตัวเราเอง...







