'สภาพัฒน์' ลุ้นเงินลงทุนภาครัฐ 1 ล้านล้าน ลดผลกระทบ ‘ภาษีทรัมป์’

'สภาพัฒน์' ลุ้นเงินลงทุนภาครัฐ 1 ล้านล้าน  ลดผลกระทบ ‘ภาษีทรัมป์’

"สภาพัฒน์" แนะรัฐเร่งงบลงทุนภาครัฐเฉียด 1 ล้านล้าน ลงระบบเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ ดันการใช้จ่ายภาครัฐ - การลงทุน เข้าเป้า ช่วยประคองเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง

เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามทิศทางของเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯตามนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐฯ จนทำให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจเช่น สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการคลัง ปรับลดคาดการณ์จีดีพีในปีนี้ลงเหลือขยายตัวต่ำกว่า 2%

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่กระทบกับภาคการส่งออก และภาคการผลิต การลงทุนภาครัฐ และการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐถือเป็นส่วนสำคัญที่จะสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจครึ่งหลังของปี 2568 ที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงจากการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่าในปี 2568 นั้นประเด็นในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลที่สำคัญเป็นลำดับแรกคือการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณโดยเฉพาะงบฯลงทุนเพื่อผลักดันเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว พร้อมทั้งเสริมสร้างเสถียรภาพทางการคลัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

โดยในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะงบลงทุนภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 และงบที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี โดยตั้งเป้าให้อัตราการเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 70% และ 90% ตามลำดับของกรอบงบลงทุนรวม

'สภาพัฒน์' ลุ้นเงินลงทุนภาครัฐ 1 ล้านล้าน  ลดผลกระทบ ‘ภาษีทรัมป์’

นอกจากนี้รัฐบาลยังเน้นย้ำให้การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และโครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้

ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568) หน่วยงานต่างๆได้การเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐมีมูลค่ารวม 594,000 ล้านบาท คิดเป็น 51.1% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.16 ล้านล้านบาท โดยแม้การเบิกจ่ายจากงบกันไว้เบิกเหลื่อมปีและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะอยู่ในระดับน่าพอใจ แต่การเบิกจ่ายจากงบรายจ่ายประจำปี 2568 ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย คิดเป็นเพียง 43.8% ของเป้าหมาย และมีอัตราการเบิกจ่ายสะสมอยู่ที่ 30.7% ของวงเงินรวม

ทั้งนี้ เพื่อให้ภาครัฐยังคงเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สศช. คาดว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 (เมษายน – ธันวาคม) จะมีเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 930,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากงบรายจ่ายประจำปี 10.6% และงบกันไว้เบิกเหลื่อมปี 15.2% ขณะที่งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจคาดว่าจะลดลง 21.7%

โดยหากพิจารณารายหน่วยงาน จะพบว่า กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้รับจัดสรรงบลงทุนสูงกว่า 1 แสนล้านบาท มีอัตราการเบิกจ่ายในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 22.0% และ 25.6% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการใช้จ่ายสะสมอยู่ที่ 68% และ 50.5% ซึ่งสะท้อนว่าอีกหลายหน่วยงานยังมีอัตราการเบิกจ่ายต่ำกว่าที่ควรเป็น และจำเป็นต้องเร่งรัดในช่วงเวลาที่เหลือของปี

'สภาพัฒน์' ลุ้นเงินลงทุนภาครัฐ 1 ล้านล้าน  ลดผลกระทบ ‘ภาษีทรัมป์’

ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนในระดับจังหวัด ภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 47.1% โดยจังหวัดส่วนใหญ่ (รวม 51 จังหวัด) มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำกว่า 50% และมีถึง 19 จังหวัดที่เบิกจ่ายต่ำกว่า 40% ขณะที่ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา สงขลา ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี และชลบุรี มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำกว่า 35%

รัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งผลักดันให้หน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ เร่งการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามแผน เพื่อให้การลงทุนภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการประคับประคองเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี และสร้างรากฐานการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว