กรมวิชาการเกษตร ระงับนำเข้าน้ำยาง หลังชาวสวนร้องต้นเหตุราคาตก

กรมวิชาการเกษตร สั่งระงับนำเข้าน้ำยางข้น หลังชาวสวนชี้ผิดปกติ ขณะ ผลผลิตยางไทยปี 68 ลดเล็กน้อยอยู่ที่ 4.7 ล้านตัน สวนทางความต้องการใช่เพิ่ม
ม.ค.-เม.ย. 2568 ไทยส่งออกยางพารามูลค่า 2,008 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 23.20% ตลาดส่งออกที่สำคัญได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ และมาเลเซีย โดยการส่งออกเมื่อปี 2567 ทั้งปีมูลค่าร่วม 4,992 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17.32% นับได้ว่ายางพาราเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญทำรายได้ให้ประเทศไทย แต่สถานการณ์ราคายางที่เกษตรกรได้รับกำลังเผชิญความท้าทายต่างๆ
นายธรรมรัตน์ ทองมี ผู้อำนวยการกองการยาง กรมวิชาการเกษตร เปิดเผย ว่า ในขณะนี้ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการชะลอการนำเข้าน้ำยางข้นที่มีคุณภาพเทียบเท่าและเป็นไปตามมาตรฐานยางที่ประเทศไทยสามารถผลิตได้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคายางและลดผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศ
หลังจากที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อตรวจสอบกรณีที่สมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทยได้ส่งจดหมายเปิดผนึกเพื่อสอบถามถึงสาเหตุที่กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อนุญาตให้นำเข้ายางธรรมชาติ น้ำยางข้นสูตรเฉพาะจากต่างประเทศ
แจงราคาร่วงปมผวาผลภาษีทรัมป์
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคายางตกต่ำในช่วงก่อนหน้านี้ สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากมาตรการการเก็บภาษีของสหรัฐ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการตามนโยบายที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาราคายางอย่างต่อเนื่อง โดยการบังคับใช้พระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 ให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อตัดความเสี่ยงจากปัจจัยโดยรวม กรมวิชาการเกษตรได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการชะลอการนำเข้าน้ำยางข้นออกไปก่อน พร้อมทั้งได้ชี้แจงกับผู้ประกอบการให้ทราบถึงข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว และจะมีหนังสือแจ้งเวียนถึงผู้ประกอบการอย่างเป็นทางการด้วย
นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและนโยบายอย่างเป็นทางการ หลังจากได้รับรายงานจากการประชุมคณะกรรมการสมาคมฯ ว่ามีการอนุญาตให้นำเข้าน้ำยางข้นจากต่างประเทศในปริมาณที่สูงผิดปกติ
ข้อมูลจาก “หนังสือสถิติยาง ปี 2567” ที่แนบมากับจดหมาย พบว่ามีการนำเข้าน้ำยางข้นคิดเป็นเนื้อยางแห้งถึง 5,615 ตัน หรือเทียบเท่าน้ำยางข้น 60% ประมาณ 9,358 ตัน ทั้งที่รัฐบาลประกาศชัดเจนว่าจะไม่อนุญาตให้นำเข้ายางธรรมชาติจากต่างประเทศ และมีการกวาดล้างการลักลอบนำเข้าตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด
อนุญาตนำเข้าเฉพาะสูตรเฉพาะ
“การอนุญาตให้นำเข้า โดยระบุว่า เป็น ‘สูตรเฉพาะ’ ทั้งที่นักวิจัยไทยก็สามารถพัฒนาสูตรเหล่านี้ได้เอง อาจเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนภายในประเทศที่สูงกว่า และกลายเป็นช่องทางให้นำเข้าน้ำยางข้นทั่วไปในราคาต่ำ”
สมาคมฯ ระบุว่า สถานการณ์ดังกล่าวกำลังทำให้ผู้ประกอบการในประเทศประสบปัญหา ขายน้ำยางข้นยาก หลายโรงงานเริ่มหยุดผลิตหรือชะลอการรับซื้อยางจากเกษตรกร โดยเฉพาะในช่วงที่ราคายางพาราตกต่ำอย่างรุนแรงจนเกษตรกรหลายรายประสบภาวะขาดทุน
ทั้งนี้ สมาคมฯ เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542 และประธานคณะกรรมการควบคุมยาง ชี้แจงนโยบายบริหารจัดการและควบคุมการนำเข้ายางพาราโดยเร่งด่วน เพื่อให้สมาคมฯ สามารถนำไปแจ้งต่อสมาชิกเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศ
รายงานจากการยางแห่งประเทศไทย ระบุว่าสมาคมผู้ผลิตยางธรรมชาติ (2568) คาดว่า ผลผลิตยางพาราของโลกในปี 2568 อยู่ที่ 14.90 ล้านตันเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ 14.83 ล้านตัน เติบโตคิดเป็น 0.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความมั่นคงในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติทั่วโลก
ไทยผลิตยางธรรมชาติเบอร์หนึ่งโลก
สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก มีผลผลิตในปี 2567 อยู่ที่ 4.79 ล้านตัน ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 ที่ 4.81 ล้านตัน ลดลงคิดเป็น 0.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักอาจมาจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยและปัจจัยทางธรรมชาติที่ส่งผลต่อการผลิต เช่น โรคใบร่วง
ด้านภาพรวมการใช้ยางธรรมชาติของโลกคาดว่า อยู่ที่ 15.63 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ 15.37 ล้านตัน เติบโตคิดเป็น 1.7% จากปี 2567 สะท้อนถึงความต้องการยางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก เช่น อุตสาหกรรมยางล้อ อุตสาหกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์
โดยจีน ยังเป็นผู้บริโภคยางธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก โดยมีปริมาณการใช้ในปี 2567 อยู่ที่ 6.99 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 6.86 ล้านตัน เติบโตคิดเป็น 1.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้ยางเป็นวัตถุดิบ
รองลงมาเป็นอินเดีย มีปริมาณการใช้ในปี 2567 อยู่ที่ 1.45 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 1.41 ล้านตัน เติบโตคิดเป็น 3.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในอินเดีย และไทยมีปริมาณการใช้ในปี 2567 อยู่ที่ 1.20 ล้านตัน ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 ที่ 1.23 ล้านตัน ลดลงคิดเป็น 2.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากอุปสงค์ที่ชะลอตัวในบางตลาดหลัก
ในขณะที่ในช่วงไตรมาส 1/2568 ปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติของไทยอยู่ที่ 1,137,596.1 ตัน เพิ่มขึ้น68,266.5 ตัน (6.4%) จากไตรมาส 4/2567 ที่มีปริมาณการส่งออกอยู่ที่ 1,069,329.6 ตัน







