IP Work Planไทย-สหรัฐ ลดละเมิด-เพิ่มคล่องตัวคุมสิทธิบัตร

มาตรา 301 พิเศษ เป็นบัญญัติหนึ่งในกฎหมายการค้าสหรัฐ โดยมีสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ ยูเอทีอาร์ จัดทำบัญชีรายชื่อ ของประเทศคู่ค้าที่ทำการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ซึ่งเป็นมาตราหลักในการกำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สหรัฐ ในการกำหนดมาตรการตอบโต้ประเทศที่มีการปฏิบัติที่เป็นการละเมิดสิทธิ อันรวมถึงการค้าที่ไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐ ดังนั้น มาตรา 301 พิเศษ จึงเป็นลักษณะมาตรการฝ่ายเดียวที่ประเมินโดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ
จากข้อกฎหมายนี้ของสหรัฐ มักจะนำไปสู่ข้อปฎิบัติทางการค้าต่อคู่ค้าที่ถูกจัดอันดับด้านทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง [Watch List (WL)] เป็นการปรับลดลงหลังสหรัฐคงสถานะไทยเป็นกลุ่ม ประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ [Priority Watch List (PWL)] ในช่วงปี 2550-2560 อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่มีสถานการณ์รุนแรงที่สุดคือ ประเทศที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามากที่สุด [Priority Foreign Country (PFC] ซึ่งไทยไม่ได้อยู่ในกลุ่มดังกล่าว
ทั้งนี้เพื่อแก้ไขให้สถานการณ์การดูแลทรัพย์สินทางปัญญาให้ดีขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปสู่การค้าและการลงทุนด้วนนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 27 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมาได้เห็นชอบ ร่างแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา [Thailand intellectual Property Work Plan (IP Work Plan)] ระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญากับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (สหรัฐ) [United States Trade Representative (USTR] (ร่างแผนงานฯ) และมอบหมาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและดำเนินการตามแนวทางภายใต้ร่างแผ่นงานฯ ต่อไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ
“ในปี 2567 กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ จัดทำร่างแผนงานฯ เพื่อระบุแนวทางการดำเนินงานที่จะนำไปสู่การถอดไทยจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองและทุกบัญชีโดยทั้งสองฝ่ายสามารถสรุปผลการหารือ ร่างแผนงานฯ ในเดือนก.ค. 2567 และต่อมาเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2567 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯยืนยันร่างแผนงานฯ ฉบับสุดท้าย”
สำหรับสาระสำคัญของร่างแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาได้แก่ 1.ด้านลิขสิทธิ์ กำหนดให้มีการเผยแพร่ร่างกฎหมายลิขสิทธิ์และกฎระเบียบหรือมาตรการ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในโอกาสที่เหมาะสมและเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียให้ความเห็น รวมทั้งนำความเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย
กำหนดให้ในส่วนที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ทางออนไลน์(รวมถึงช่องทางโทรศัพท์มือถือ)ให้มีการยกระดับการแก้ไขปรับปรุงระบบการชี้แจงหรือระบบแจ้งให้ทราบให้ชัดเจน และนำข้อมูลที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากระบบ(Notice and Takedown)หรือปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาที่ละเมิดซึ่งอยู่บนเครือข่ายเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
กำหนดให้สัตยาบันหรือภาคยานุวัติเพื่อเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก(WIPO Copyright Treaty (WCT]และสนธิสัญญาว่าด้วยการแสดงและสิ่งบันทึกเสียงขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก[WIPO Performances and Phonograms Treaty (WPPT)]
กำหนดให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อพัฒนาการป้องกัน การหลบเลี่ยงมาตรการทางเทคโนโลยี[Technological Protection Measures (TPM)]ที่มีประสิทธิภาพให้เสร็จสิ้น และการกำหนดให้ยกระดับหรือแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อกำจัดช่องว่างที่อาจมีตามข้อยกเว้นของการคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิ[Rights Management Information (RMI)]
กำหนดให้แก้ไขปัญหาองค์กรจัดเก็บ[Collective Management Organization (CMO)] โดยคงไว้ซึ่งฐานข้อมูลและระบบการยืนยันที่มีประสิทธิภาพ และรับรองความโปร่งใสและธรรมาภิบาล เช่น การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ การออกและการใช้บังคับกฎระเบียบหรือการนำมาตรการที่เหมาะสมมาปรับใช้
กำหนดให้แก้ไขปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้รับอนุญาตรวมถึงการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2562 ที่ให้ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากลั่นกรองการจัดซื้อคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ของหน่วยงานภาครัฐที่มีความรัดกุมและได้มาตรฐานเดียวกัน โดยผลักดันให้มีการดำเนินการอย่างจริงจัง และมีความต่อเนื่องเพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ภาคเอกชนและประชาชน รวมทั้งแสดงออกถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการแก้ปัญหาดังกล่าวตามเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
2.ด้านเครื่องหมายการค้า กำหนดให้ปรับปรุงกระบวนการจดทะเบียน เครื่องหมายการค้า โดยการแก้ไขปัญหางานจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าค้างสะสม และเพิ่มจำนวนผู้ตรวจสอบเครื่องหมายการค้า
3.ด้านสิทธิบัตรและเภสัชภัณฑ์ กำหนดให้แก้ไขปรับปรุงกฎหมายสิทธิบัตรได้แก่ เผยแพร่ ร่างกฎหมายสิทธิบัตร กฎระเบียบ หรือมาตรการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในโอกาสที่เหมาะสมเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียได้ให้ความเห็นต่อร่างกฎหมายสิทธิบัตร และกฎระเบียบ หรือมาตรการและนำความเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย รวมถึงให้การบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรในร่างกฎหมายสิทธิบัตรสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย
กำหนดให้สร้างระบบที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการใช้ข้อมูล ในเชิงพาณิชย์อย่างไม่เป็นธรรมโดยเฉพาะข้อมูลผลการทดสอบหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่จัดทำขึ้นเพื่อให้เภสัชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรได้รับอนุญาตให้วางจำหน่าย
“กำหนดให้แก้ไขปัญหาคุณภาพในการออกสิทธิบัตรและปัญหางานค้างสะสมโดยเฉพาะในสาขาเภสัชภัณฑ์ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบสิทธิบัตร ผ่านการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายสิทธิบัตร การอบรมผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรและมาตรการทางปกครองอย่างอื่นที่เหมาะสม”
กำหนดแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการให้สัตยาบันหรือภาคยานุวัติกรรมสารเจนิวา(Geneva Act)ภายใต้ความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ(Hague Agreement Concerning the International Registration of Industrial Designs) และปรับปรุงระบบจดทะเบียนการออกแบบผลิตภัณฑ์ของประเทศไทย ผ่านแนวทางปฏิบัติและนโยบายของกรมทรัพย์สินทางปัญญา และเตรียมระบบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรับคำขอภายใต้ความตกลงดังกล่าว
ทั้งนี้ในแผนงานกำหนดเรื่องการบังคับใช้สิทธิโดยระบุว่า ให้ข้อมูลสถิติและข้อมูลอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาตามแผนที่นำทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศ ระยะ 20 ปี สู่ประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0 Intellectual Property Roadmap) โดยรวมถึงข้อมูลสถิติรายปีเกี่ยวกับการบังคับใช้สิทธิ ณ จุดผ่านแดน การสืบสวน สอบสวน การจับกุม การยึดอายัด การทำลายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและสถิติการดำเนินการของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา
กำหนดให้มีมาตรการบังคับใช้สิทธิทางแพ่งที่มีประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขข้อกังวลกรณีเจ้าของพื้นที่ยุยงหรือส่งเสริมให้ผู้เช่ากระทำการละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าในเชิงพาณิชย์ เช่น การผลิต หรือการจำหน่ายสินค้า เป็นต้น
กำหนดให้สืบสวนและดำเนินคดีทรัพย์สินทางปัญญา ทั่วประเทศให้ประสบผลสำเร็จซึ่งรวมถึงการแอบถ่ายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ การละเมิด ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ และการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ เพื่อให้เกิดการเยียวยาและบทลงโทษ
กำหนดให้แก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์โดยการใช้อุปกรณ์และแอปพลิเคชันที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสตรีมและดาวน์โหลดเนื้อหา ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิ และกำหนดให้ดำเนินการในการแก้ไขปัญหาการผลิต การกระจายผลิตภัณฑ์ และการขายเภสัชภัณฑ์ปลอมในไทย
จากสาระสำคัญของร่างแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาไทยสหรัฐฉบับนี้ สอดคล้องกับเนื้อหาที่สหรัฐให้เหตุผลจัดอันดับไทยอยู่ในบัญชีต้องจับตามอง ทั้งการซึ่งเป็นความพยายามแก้ปัญาให้ตรงจุดร่วมกันทั้งสองฝ่ายที่ต้องรอดูว่าการทำงานจริงจะเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ร่วมกันได้หรือไม่







