เปิดประตูบานใหม่ส่งสินค้าเกษตร-อาหารไทย สู่ตลาด BRICS

ไทยเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนของ BRICS (BRICS Partner Country) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นมา ทำให้หลายภาคส่วนให้ความสนใจถึงโอกาสในการขยายตลาดใหม่ๆ
รวมถึงหาตลาดเพื่อทดแทนสินค้าที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะภาคเกษตรและอาหารของไทยที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ ที่มีมูลค่าการส่งออกกว่าปีละ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นราว 10% ของ GDP ไทย จึงมีคำถามสำคัญตามมาว่าไทยจะสามารถแสวงหาโอกาสจากการเป็น Partner Country นี้ได้อย่างไรบ้าง?
Krungthai COMPASS ประเมินว่า การเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนของ BRICS จะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการสินค้าเกษตรและอาหารไทยในการเข้าถึงตลาดใหม่ การระดมทุนเพื่อพัฒนาการเกษตร และการมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่เอื้อต่อการขยายการลงทุน โดยตลาดเป้าหมายที่ควรเร่งบุก ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัสเซีย และแอฟริกาใต้ เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารสูง อีกทั้งตลาดยังมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยเฉพาะสินค้าข้าว ไก่ และอาหารสัตว์เลี้ยง ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์โดยสินค้าข้าว ไก่ และอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นสินค้าศักยภาพของไทยที่มีโอกาสบุกตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และแอฟริกาใต้ ส่วนสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง ไทยมีโอกาสบุกตลาดรัสเซีย เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่ตลาดเป้าหมายมีอัตราส่วนการพึ่งพาการนำเข้าในแต่ละสินค้าสูง ประกอบกับไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันในสินค้าเหล่านี้
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความพร้อมในการขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไทยในตลาด BRICS เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ซึ่งมีการจัดตั้งเมืองนวัตกรรมอาหาร ในพื้นที่โครงการวังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอาหาร อีกทั้งยังได้รับสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารผ่าน BOI สะท้อนจากมูลค่าอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EEC ปี 2567 กว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในปี 2562-66 ซึ่งมีมูลค่าอนุมัติฯอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท และยังมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ EEC เช่น ม.บูรพา ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและสร้างมูลค่าเพิ่มไปสู่อาหารเพื่อสุขภาพ (Functional Food) เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและการเข้าถึงตลาดในกลุ่มประเทศ BRICS
หากผู้ประกอบการสินค้าเกษตรและอาหารไทยต้องการจะเข้าสู่ตลาด BRICS ควรต้องเข้าใจตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค อีกทั้งคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากแต่ละประเทศใน BRICS มีความนิยมในการบริโภค กฎระเบียบและมาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหารที่เข้มงวดแตกต่างกัน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการของไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทาย อาทิ ต้นทุนโลจิสติกส์และค่าขนส่งสูง เนื่องจากการขนส่งสินค้าไปยัง BRICS มีระยะทางไกล โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดเป้าหมายที่ควรเร่งบุกอย่างรัสเซียที่มีระยะเวลาขนส่งทางเรือจากไทยที่ยาวนานกว่าเมื่อเทียบกับการขนส่งไปแอฟริกาใต้และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์







