งบปีฯ 69 เพิ่ม 2.7 หมื่นล้าน ลดงบกลาง เพิ่ม คลัง -ศึกษาธิการ-มหาดไทย

งบปีฯ 69 เพิ่ม 2.7 หมื่นล้าน ลดงบกลาง เพิ่ม คลัง -ศึกษาธิการ-มหาดไทย

แพทองธารชี้แจงงบฯ 69 บ่ายนี้ย้ำความสำคัญงบฯต่อเศรษฐกิจ เผยงบปี 69 เพิ่ม 2.7 หมื่นล้าน ลดงบกลาง หนุนศึกษาธิการ-คลัง-มหาดไทยเต็มที่ ดึงงบลงสาธารณสุข ท้องถิ่นมากขึ้น

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าวันนี้ (28 พ.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา โดยจะเป็นผู้กล่าวเปิดการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาทในวาระที่ 1

โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ให้ข้อมูลและรายละเอียดเบื้องต้นในการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณฯ รวมทั้งกล่าวถึงความสำคัญของงบประมาณต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  จากนั้นอาจจะมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดของงบประมาณต่อไป

ด้านสำนักงบประมาณของรัฐสภา (PBO) ได้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์งบประมาณฯปี 2569 โดยระบุว่าวงเงินงบประมาณในปี 2569 มีวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 3,780,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27,900 ล้านบาท จากปีงบประมาณก่อน โดยมีโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายจำแนกรายกระทรวง และรายการที่มีการเปลี่ยนแปลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่สำคัญ ดังนี้

  1. งบกลาง ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 632,968.8 ล้านบาท ลดลงจำนวน 209,032.9 ล้านบาท คิดเป็น 24.8% จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยงบประมาณส่วนใหญ่เป็นเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ จำนวน 364,288.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 9,788.8 ล้านบาท คิดเป็น 2.8%

ในขณะที่มีรายการสำคัญที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลง เช่นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ได้รับการจัดสรร 25,000 ล้านบาท ลดลง 162,700 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะต้องมีการหารือกันในชั้นกรรมาธิการเพื่อปรับงบประมาณให้มาอยู่ในส่วนนี้มากขึ้นไว้รองรับกับวิกฤตจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ 

รายการเงินสำรอง เงินสมทบ และเงินชดเชยของข้าราชการ ได้รับการจัดสรร 24,860 ล้านบาท ลดลง 57,915 ล้านบาท

2.กระทรวงการคลัง ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 397,856.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,197 ล้านบาท คิดเป็น 2.1% จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยงบประมาณส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ภาครัฐของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน 366,776.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,845.6 ล้านบาท

3.กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 355,108.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,333.9 ล้านบาท คิดเป็น 4.2% จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยงบประมาณส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายบุคลากร จำนวน 220,826.3 ล้านบาท คิดเป็น 62% ของงบประมาณทั้งกระทรวง

4.กระทรวงมหาดไทย ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 301,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,852.3 ล้านบาท คิดเป็น 2.3% จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยงบประมาณส่วนใหญ่เป็นเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน 176,869.5 ล้านบาท

และ 5.ทุนหมุนเวียน ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 274,576.8 ล้านบาท ลดลง 1,907.9 ล้านบาท คิดเป็น 0.7% จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยงบประมาณส่วนใหญ่เป็นของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 193,849.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25,552.4 ล้านบาท

นอกจากนี้ มีทุนหมุนเวียนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น 1 กองทุน คือ กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง (กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) ได้รับการจัดสรร 100 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในกรณีออกจากงานหรือตาย โดยตั้งเป้าหมายลูกจ้างที่ได้รับเงินสงเคราะห์ 5,000 ราย

นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์งบประมาณรายจ่ายจำแนกตามกระทรวง เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พบว่า รัฐบาลเน้นการลงทุนผ่านรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดยเฉพาะการพัฒนาระบบคมนาคมผ่านการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น 9,987.9 ล้านบาท และการกระจายงบประมาณสู่ภูมิภาคผ่านงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเพิ่มขึ้น (10.4%)

สิ่งนี้สะท้อนถึงนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ซึ่งต้องอาศัยการบูรณาการอย่างรอบด้านและการติดตามการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม หากรวมงบประมาณจำแนกตามกระทรวงกับงบประมาณของรัฐวิสาหกิจ (มาตรา 29) และงบประมาณของทุนหมุนเวียน (มาตรา 39) ที่อยู่ในสังกัดกระทรวง จะพบว่า งบประมาณของหลายกระทรวงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาก เช่น:

  • กระทรวงการคลัง เพิ่มจาก 10.5% เป็น 13%
  • กระทรวงสาธารณสุข เพิ่มจาก 4.7% เป็น 9.9%
  • กระทรวงคมนาคม เพิ่มจาก 5.3% เป็น 6.9%