ปี68ผลผลิต“ข้าว”ทั่วโลกทำนิวไฮ ตลาดแข่งดุคาดไทยส่งออกลด29%

ยูเอสดีเอ คาดปริมาณข้าวโลกปีนี้ล้นตลาดทำราคาร่วงหนักเหตุแข่งขันสูง คาดไทยส่งออกลดลง 29% ขณะอินเดียครองแชมป์
KEY
POINTS
สำหรับราคาข้าว พบว่า อินเดีย ไทย ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากอุปทานจำนวนมาก โดยฤดูฝนของอินเดียเพิ่งเก็บเกี่ยวได้ไม่นาน ฤดูฝนของไทยก็เก็บเกี่ยวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และฤดูฝนหลักของเวียดนามก็เก็บเกี่ยวในฤดูหนาวซึ่งก็ได้ผลผลิตในระดับสูงสุด
ราคาส่งออกข้าว(8 เม.ย.)ของอินเดียข้าวหัก 5% ลดลง 8% (เทียบ 4 มี.ค. 2025) เหลือ 380 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. 2022 เนื่องจากผลผลิตสูงสุด ทำให้ราคาข้าวของอินเดียแข่งขันได้
“ส่วนไทย ในช่วงเวลาเดียวกัน ข้าวเกรด B 100% ของไทยลดลง 4.5% เหลือ 406 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนธ.ค. 2021 เนื่องมาจากอุปทานจำนวนมากจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตตามฤดูกาล การส่งออกที่เพิ่มขึ้นของอินเดีย และการซื้อของอินโดนีเซียที่ลดลงอย่างมาก แต่ประเทศไทยยังเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในเอเชียในปัจจุบัน”
ปีหน้าไทยส่งออกเพิ่ม-เวียดนามเบอร์2โลก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนรายงานRice Outlook: May 2025 ที่ออกมาคาดการณ์การผลิตข้าวทั่วโลกในปี 2025/26 คาดว่าจะสูงเป็นประวัติการณ์โดยอินเดียคาดว่าจะเก็บเกี่ยวข้าวได้เป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่ 10 ติดต่อกัน ส่งผลให้อุปทานข้าวทั่วโลกในปี 2025/26 คาดว่าจะอยู่ที่ 723.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.1ล้านตันจากปีก่อน และเพิ่มขึ้นเป็นปีที่สามติดต่อกัน
ด้านการค้าข้าวโลกในปีปฏิทิน 2026 คาดว่าจะอยู่ที่ 61.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.3% จากปีก่อน คาดว่าอินเดียจะยังคงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุด โดยส่งออกข้าวได้ 24.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด ส่วน ไทยจะเพิ่มการส่งออกในปี 2026 แต่ปากีสถานและเวียดนามไม่เปลี่ยนแปลงและ โดยเวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับสองอีกครั้ง
ส่งศูนย์ข้าวชุมชนคุมเสถียรภาพราคา
จากสถานการณ์ข้าวทั่วโลกที่ไร้ปัจจัยสนับสนุนให้ข้าวไทยมีเสถียรภาพ เมื่อเร็วๆนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบ (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง รักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกด้วยศูนย์ข้าวเปลือกชุมชนและมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง และความเห็นของกระทรวงเกษตร ฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปประกอบการพิจารณาเพื่อดำเนินการตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไปด้วย
“สภาเกษตรกรแห่งชาติ (สภช.) เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง รักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกด้วยศูนย์ข้าวเปลือกชุมชน โดยมีแนวคิดจัดสร้างศูนย์ข้าวเปลือกชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ โดยให้ศูนย์ดังกล่าวเป็นแหล่งรวบรวมผลผลิตและกระจายสินค้าข้าวไม่ให้ออกสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมากเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง สร้างความเป็นธรรมด้านราคาข้าวเปลือก ลดการถูกกดราคาและการถูกเอาเปรียบจากการขายผลผลิต อันนำไปสู่การรักษาเสถียรภาพและสร้างมูลค่าเพิ่ม”
ห่วงภาระกิจซ้ำซ้อนหน่วยงานอื่น
สำหรับข้อสังเกตเบีื้องต้น ได้แก่ สภช.ระบุว่า ควรพิจารณาต่อยอดการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อให้ (ร่าง) ข้อเสนอนโยบายฯไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานอื่นและต้องมีการวางแผนและกำกับดูแลอย่างรอบคอบและชัดเจนเพื่อลดความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นรวมทั้งสร้างความมั่นใจได้ว่าโครงการจะสามารถดำเนินไปได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ส่วนข้อสังเกตด้านงบประมาณ ระบุว่า ควรพิจารณาถึงภาระงบประมาณในการดำเนินงานของศูนย์ข้าวเปลือกชุมชนทั้งในส่วนของเงินลงทุนสร้างศูนย์ข้าวเปลือกชุมชนและเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งควรมีการศึกษาว่าการดำเนินการตาม (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบายฯ จะสามารถลดการใช้งบประมาณได้เมื่อเปรียบเทียบกับการดำเนินนโยบายให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของภาครัฐที่ผ่านมา

ด้านตลาดผู้ซื้ออินโดนีเซียสต็อกล้น เมินนำเข้าลดจาก 3 ล้านตันเหลือแค่ 8 แสนตัน เกษตรฯปิ้งไอเดีย ศูนย์ข้าวชุมชน ร่วมดูแลเสถียรภาพราคา
ประชากรประเทศไทยมีอาชีพเป็นชาวนาสัดส่วนถึง 25% หรือราว 18 ล้านคน และประเทศไทยยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายสำคัญของโลก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงตลาดข้าวโลก ย่อมส่งผลต่อคนไทยถึง 1 ใน 4 ที่อาจมีรายได้ลดลง
เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐ ได้เผยแพร่รายงาน Rice Outlook: April 2025 โดย USDA, Economic Research Service ที่ระบุว่า คาดการณ์การผลิตข้าวโลกสำหรับปี 2024/25 เพิ่มขึ้น 3.1 ล้านตัน เป็น 535.8 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุด หรือ เพิ่มขึ้นเกือบ 3% จากปีก่อน นับเป็นปีที่ 9 ติดต่อกันที่ผลผลิตข้าวทั่วโลกสร้างสถิติใหม่โดยผลผลิตส่วนใหญ่มาจากอินเดีย รองลงมาคืออินโดนีเซีย กัมพูชา บราซิล ไต้หวัน และเวเนซุเอลา
ขณะที่สต็อกข้าวทั่วโลกในปี 2024/25 เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านตันจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เป็น 183.2 ล้านตัน การปรับขึ้นสต๊อกข้าวทั่วโลกกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่แถบอาเซียน หลักๆอยู่ที่ อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม ซึ่งมีอินเดียที่มีสต๊อกเพิ่มมากที่สุดที่ 1.5 ล้านตันจากปีก่อน และแม้ว่าสต๊อกข้าวของจีนจะไม่เปลี่ยนแปลงที่ 103.5 ล้านตัน กินสัดส่วนสูงสุดของโลกที่ 56% ข้อมูลเหล่านี้ก็ทำให้ประมาณการณ์ได้ว่าสถานการณ์ข้าวทั่วโลกอยู่ในอาการ“ล้น”โกดัง
นิวไฮอุปทานข้าวโลกเพิ่ม 3.1 ล้านตัน
รายงาน ยังระบุถึง คาดว่าอุปทานข้าวทั่วโลกในปี 2024/25 จะอยู่ที่ 715.3 ล้านตัน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นถึง 3.1 ล้านตัน จากการคาดการณ์ครั้งก่อนอันเป็นผลจากการคาดการณ์การผลิตที่เพิ่มขึ้น 12.3 ล้านตันจากปีก่อนและเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่สอง
ดังนัั้น คาดการณ์ปริมาณการค้าข้าวโลกในปีปฏิทิน 2025 เป็น 59.7 ล้านตัน ซึ่งลดลง 0.2 ล้านตันจากสถิติเมื่อปีที่แล้วที่ 59.9 ล้านตัน ส่วนคาดการณ์การส่งออกในปี 2025 สำหรับกัมพูชา อินเดีย และปากีสถาน จะมีการส่งออกที่เพิ่มขึ้นขณะที่ จีน ไทยและสหรัฐจะส่งออกได้ลดลง
ด้านการนำเข้าคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 แสนตันจากบังคลาเทศ จีน และ เนปาล แต่ปริมาณการนำเข้าจะลดลงในตลาดยุโรปที่ 1.5 แสนตัน
ทั้งนี้ ตลาดอินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ซื้อข้าวรายสำคัญของไทย รายงานระบุว่า มีแนวโน้มการนำเข้าที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากไทยที่มีราคาที่สูงสูงของผู้ส่งออกในอาเซียนด้วยกัน แม้ว่าการนำเข้าของอินโดนีเซียคาดว่าจะลดลงเกือบ 3.9 ล้านตันเหลือ 800,000 ตัน เนื่องจากมีการนำเข้าจำนวนมากและการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่อินโดนีเซียก็ยังเป็นผู้นำเข้ารายสำคัญ เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์และเวียดนาม โดยเวียดนามมีการนำเข้าข้าวจากกัมพูชาเป็นหลัก ทั้งเพื่อการบริโภคและส่งออกอีกทอดหนึ่ง
ข้าวไทยแพงแข่งขันลำบาก
“คาดการณ์ส่งออกข้าวของไทยปี 2025 จะอยู่ที่ 7 ล้านตัน ลดลง ราว 5 แสนตัน หรือ 29.2% (yoy) ส่วนอินเดียจะส่งออกได้ 24 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 33.9% ปากีสถาน ปริมาณ 5.5 ล้านตัน ลดลง 15.3% กัมพูชา 3.6 ล้านตัน ลดลง 2.7%”







