สรรพากร ชงเว้นภาษีผู้มีเงินได้ต่างประเทศ ดึงเงินลงทุนกลับไทย

“สรรพากร” จ่อแก้กฎกระทรวงยกเว้นภาษีเงินได้จากต่างประเทศ หวังจูงใจคนไทยดึงเงินลงทุนในต่างประเทศวงเงินกว่า 2 ล้านล้าน คิดเป็นกำไรหลักแสนล้าน กลับเข้าไทย
KEY
POINTS
- “สรรพากร” จ่อแก้กฎกระทรวงยกเว้นภาษีเงินได้จากต่างประเทศ
- หวังจูงใจคนไทยดึงเงินลงทุนในต่างประเทศวงเงินกว่า 2 ล้านล้าน คิดเป็นกำไรหลักแสนล้าน กลับเข้าไทย
- เปิดช่องยกเว้นหากนำเงินได้ในปีกลับเข้ามาภายใน 2 ปีภาษี คาดเพิ่มเม็ดเงินลงทุนตลาดในประเทศ
- ระบุภารกิจจัดเก็บรายได้เผชิญความท้าทายคาดในปีงบประมาณนี้หลุดเป้า 3.6 หมื่นล้าน
นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมสรรพากร กำลังพิจารณาปรับแก้กฎกระทรวงว่าด้วย การเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศที่นำเข้ามาในประเทศไทย ผ่อนคลายกฎเกณฑ์การเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศที่นำกลับเข้ามาในประเทศไทย หากเงินได้นั้นเกิดขึ้น และถูกนำกลับเข้ามาภายใน 2 ปีภาษี จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการที่กรมสรรพากรพบว่าคนไทยลงทุนในต่างประเทศสูงถึงกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ประกัน กองทุน หุ้น และตราสารหนี้ ซึ่งเงินลงทุนเหล่านี้สามารถสร้างผลตอบแทนไม่ว่าจะเป็นในรูปของดอกเบี้ย เงินปันผล กำไรที่เกิดจากการขายสินทรัพย์ และอื่นๆ รวมได้ราวหลักแสนล้านบาท ซึ่งการจูงใจให้เงินเหล่านี้ไหลกลับเข้าประเทศจะช่วยกระตุ้นตลาดในประเทศให้คึกคักขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หลักการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทยอิงทั้ง “หลักแหล่งเงินได้” คือ เงินได้ที่เกิดในไทย และ “หลักถิ่นที่อยู่” สำหรับผู้ที่อาศัยในไทยรวมกันเกิน 180 วัน ในปีนั้น หากมีเงินได้จากต่างประเทศ เมื่อนำเข้ามาในไทยมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามหลักของ Wolrd Wide Income รวมถึงคนไทยที่มีเงินได้จากต่างประเทศ โดยมีการปรับเกณฑ์ไปแล้วเมื่อ 1 ม.ค.2567 ที่กำหนดให้เงินได้จากต่างประเทศที่เกิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป หากนำเข้าไทยเมื่อไรต้องเสียภาษีเมื่อนั้น เพื่อความเป็นธรรม เนื่องจากก่อนหน้านี้หากนำเงินเข้ามาในปีถัดไปจะไม่ต้องเสียภาษี
อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์ใหม่ที่กำลังพิจารณาคือ หากเงินได้จากต่างประเทศที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ถูกนำกลับเข้าไทยภายใน 2 ปีภาษี นับจากปีที่เงินนั้นเกิดขึ้น ก็มีโอกาสได้รับการยกเว้นภาษี แต่หากนำเข้าหลังจากนั้นก็ต้องเสียภาษีตามปกติ
“โดยขั้นตอนการดำเนินการ จะต้องมีการเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติ และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนจะออกเป็นกฎกระทรวง และมีผลบังคับใช้”
ทั้งนี้ สำหรับข้อกังวลเรื่องการเสียภาษีซ้ำซ้อน กรมสรรพากรมีกลไก “เครดิตภาษี” ตามมาตรฐานสากล กล่าวคือ หากเงินได้จากต่างประเทศถูกหักภาษีในต่างประเทศไปแล้ว ผู้เสียภาษีสามารถนำภาษีที่เสียไปนั้นมาหักออกจากภาษีที่ต้องเสียในไทยได้ โดยจำนวนที่เครดิตได้จะไม่เกินจำนวนภาษีที่เสียในต่างประเทศ หรือไม่เกินภาษีที่ต้องเสียในไทย แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่า ซึ่งกลไกนี้อยู่ภายใต้อนุสัญญาภาษีซ้อนที่ไทยมีกับ 61 ประเทศทั่วโลก
คาดปี 68 จัดเก็บรายได้หลุดเป้า 3.6 หมื่นล้าน
นายปิ่นสาย กล่าวว่า ในช่วง 7 เดือนแรก (ต.ค.2567 - เม.ย.2568) กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ 1,138,182 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 47,325 ล้านบาท และสูงกว่าประมาณการ 17,950 ล้านบาท สวนทางกับที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เคยประเมินว่า ณ สิ้นปีงบประมาณนี้ กรมสรรพากรอาจจัดเก็บรายได้ติดลบถึง 36,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า ช่วงเดือนพ.ค. - ก.ค.นี้ รายได้จากการจัดเก็บภาษีจะลดลง โดยเฉพาะการยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 (ภาษีเงินได้นิติบุคคลปลายปี) ซึ่งคาดว่าจะหายไปกว่า 15,000 ล้านบาท ส่วนภาษีนิติบุคคลกลางปี (ภ.ง.ด.51) ที่จะต้องยื่นต่อไปนั้น ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะติดลบหนักแค่ไหน ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับแผนการหารายได้เพิ่ม เบื้องต้นจะมีการสำรวจในเชิงรุกในกลุ่มธุรกิจที่ยังไม่เข้าระบบภาษี หลังจากที่ไม่ได้ทำการสำรวจมานานกว่า 5 ปี จากเดิมที่ต้องสำรวจทุก 2 ปี โดยจะเริ่มดำเนินการใน 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจกลางคืน ธุรกิจซื้อมาขายไปที่ใช้เงินสด และธุรกิจร้านขายยา
ศึกษา 3 แนวทางรีดรายได้เพิ่ม
นอกจากนี้ สรรพากร ยังอยู่ระหว่างพิจารณาการศึกษาการขยายฐานภาษีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ ซึ่งมีการศึกษาใน 3 รูปแบบ
ได้แก่ 1.การปรับปรุงเชิงนโยบาย จากกฎหมายภาษีที่มีอยู่แล้วซึ่งสามารถสั่งการได้ทันทีอยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาล อาทิ การเพิ่มอัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากปัจจุบันที่มีนโยบายลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7% จาก 10%
2.การปรับปรุงเชิงบริหาร สำหรับภาษีบางรายการที่จัดเก็บได้ไม่มาก โดยสามารถออกกฎระเบียบเพิ่มเติมเพื่อให้การจัดเก็บรายได้มีประสิทธิภาพ อาทิ การออกกฎกระทรวงเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้จากต่างประเทศ
3.การปรับปรุงเชิงโครงสร้าง โดยศึกษาการยกร่างกฎหมายใหม่ ในการจัดเก็บภาษีเพื่อส่งเสริมในมิติรายได้รัฐ หรือกรณีอื่นๆ เช่น ภาษีที่เก็บจากคนที่เดินทางไปต่างประเทศ
ทั้งนี้ การจัดเก็บรายได้ของรัฐเร่งเป้าหมายเพิ่มขึ้นตามการจัดทำงบประมาณขาดดุลของรัฐบาล โดยเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2569 ถูกกำหนดไว้สูงถึง 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนล้านบาท จากเป้าหมายปี 2568 ท่ามกลางภาวะที่รายได้ปีนี้ยังชะลอตัวลง ถือเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับกรมสรรพากร
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







