เงินทุนไหลเข้าไทย ‘โอกาส’ แฝงความ ‘เสี่ยง’

ท่ามกลางความสั่นคลอนเศรษฐกิจโลก ที่ยังไม่มีเสถียรภาพชัดเจน หนึ่งในปรากฏการณ์ที่น่าจับตายิ่งช่วงนี้ คือ กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะประเทศไทย ที่แม้เศรษฐกิจในประเทศจะยังคงซบเซา การบริโภคภายในถดถอย และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่กลับพบว่า เม็ดเงินมหาศาลจากต่างชาติไหลเข้ามาอย่างผิดสังเกต สะท้อนพลวัตที่ซับซ้อนของทุนโลก ที่กำลังปรับตัวท่ามกลางวิกฤติ ความเชื่อมั่นในประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา
ปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้เงินไหลออกจากสหรัฐ คือ การที่หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือลดอันดับเรตติ้งของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ สะท้อนความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลัง และความสามารถในการชำระหนี้ ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงในรอบหลายเดือน ยิ่งเร่งให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันระดับโลกหันไปแสวงหาโอกาสในตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า กลไกนี้อาจอธิบายได้ว่าทำไม “เงินร้อน” จากภายนอกจึงหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤติ และยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างแท้จริง
เงินทุนที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วนี้ ใช่ว่าจะเป็นสัญญาณบวกในระยะยาว การลงทุนในตลาดทุนไทยขณะนี้มีลักษณะของการเก็งกำไรในสินทรัพย์ระยะสั้น เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกลุ่มเฉพาะที่เกี่ยวโยงกับค่าเงิน และอัตราดอกเบี้ย ไม่ใช่การลงทุนภาคเศรษฐกิจจริง หรือการผลิต ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์บางประเภท และทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าผิดธรรมชาติ กระทบภาคการส่งออกที่กำลังเผชิญแรงกดดันจากตลาดโลก
ในเชิงนโยบาย เราเห็นว่า หน่วยงานกำกับดูแลของไทย ควรมีมาตรการติดตาม คัดกรองการไหลเข้าของเงินทุนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะผ่านมาตรการควบคุมทุนไหลเข้าแบบชั่วคราว การตั้งเกณฑ์ความโปร่งใสด้านแหล่งเงิน หรือการใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อดูดซับเงินทุนส่วนเกิน ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังต้องเตรียมแผนสำรองกรณีเกิดการไหลออกของทุนอย่างฉับพลัน เพื่อป้องกันความผันผวนทางเศรษฐกิจ
ส่วนระยะยาว รัฐบาลไทยควรถือโอกาสนี้เร่งฟื้นเศรษฐกิจภายใน เพิ่มศักยภาพดึงดูดเงินทุนคุณภาพที่มุ่งลงทุนในกิจกรรมเศรษฐกิจจริง เช่น โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และเศรษฐกิจสีเขียว แทนที่จะหวังพึ่งทุนระยะสั้นซึ่งขึ้นอยู่กับอารมณ์ของตลาดโลกเป็นหลัก เงินทุนไหลเข้า อาจดูเป็นสัญญาณแห่งความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของไทย แต่หากปล่อยให้เกิดขึ้นโดยไร้การบริหารจัดการที่รอบด้าน “ผลดี” อาจกลายเป็น “กับดัก” เพราะเราไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ที่คลื่นแห่งเงินร้อนจะเปลี่ยนทิศแบบกะทันหัน ประเทศไทยจึงต้องตั้งรับอย่างมีสติ วางแผนรองรับความผันผวนให้ดี
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







