NEDA โชว์ผลงาน 20 ปี ดันความร่วมมือไทย- เพื่อนบ้าน 2.4 หมื่นล้าน

NEDA สรุปผลงานการดำเนินงานในโอกาสครบรอบ 20 ปีของการก่อตั้งสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ NEDA วางทิศทางในการลงทุน
KEY
POINTS
- NEDA สรุปผลงานการดำเนินงานในโอกาสครบรอบ 20 ปีของการก่อตั้งสำนักงานสนับสนุนการเงิน-วิชาการประเทศต่างๆกว่า 2.4 หมื่นล้าน
- 'พีรเมศร์ 'ชูแนวคิด“พลังร่วม (Synergy)” พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการสำคัญใน 4 ประเทศเพื่อนบ้าน
- เป้าหมายยกระดับเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบ
- เดินหน้าวางแนวทางความร่วมมือทางการเงินเตรีนยมความพร้อมในอนาคต
นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการสํานักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) “สพพ.” หรือ “NEDA”แถลงข่าวเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 20 ปีแห่งการก่อตั้งสพพ.โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของ NEDA ในการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านแนวคิด “พลังร่วม (Synergy)” และการยกระดับความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS) โดยมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
โดยความสำเร็จตลอด 20 ปีที่ผ่านมามีทั้งโครงการความร่วมมือทางการเงินและทางวิชาการตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา NEDA ได้ให้การสนับสนุนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (Official Development Assistance: ODA) ในประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ภายใต้ภารกิจของ NEDA ทั้ง 7 ประเทศ คือจักรกัมพูชา ส.ป.ป.ลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ภูฏาน ศรีลังกา และติมอร์-เลสเต รวมวงเงินทั้งสิ้น 24,226.33 ล้านบาท
แบ่งเป็นโครงการความร่วมมือทางการเงินและทางวิชาการ (Financial Cooperation and Technical Cooperation) จำนวน 55 โครงการ รวม 24,189.43 ล้านบาท และโครงการ ด้านความร่วมมือในการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับประเทศเพื่อนบ้าน (Capacity Building) จำนวน 48 โครงการรวมวงเงิน 36.90 ล้านบาท
นายพีรเมศร์ กล่าวต่อว่าสำหรับทิศทางการดำเนินงานอนาคต ของ NEDA ยังมุ่งสู่การสร้างมูลค่าข้ามพรมแดน โดยNEDA กำลังก้าวสู่ทิศทางใหม่ที่เน้นการสร้างมูลค่าข้ามพรมแดน (Cross-Border Value Creation) ซึ่งประกอบด้วย 3 เสาหลักสำคัญ คือ
1.การส่งเสริมเศรษฐกิจข้ามพรมแดน (Cross-Border Economic Enhancement)
2.การสร้างผลตอบแทนทางสังคมข้ามพรมแดน (Cross-Border Social Return Initiative)
และ 3.การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Cross-Border Environment Impact Reduction โดยการดำเนินงานดังกล่าวถูกกำหนดให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ระยะกลาง (Midterm Plan I) พ.ศ.2569-2573 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี (พ.ศ. 2564-2583) ขององค์กร ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติถึง 8 ด้าน ได้แก่ (SDG 3) สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (SDG 6) การจัดการน้ำและสุขาภิบาล (SDG 8) การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ, (SDG 9)อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน (SDG 10) ลดความเหลื่อมล้ำ (SDG 11) ทำให้เมือง และชุมชนปลอดภัยและยั่งยืน(SDG 13) การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (SDG 17) ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
NEDA กำหนดเป้าหมายผลลัพธ์การดำเนินงานใน 3 ด้าน คือ
1.การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ในอนุภูมิภาค
2.ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และสังคมในประเทศเพื่อนบ้าน และ
3.ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงด้าน Climate Change ได้รับการบรรเทาและแก้ไขอย่างยั่งยืน
สำหรับโครงการสำคัญในประเทศเพื่อนบ้านแบ่งออกเป็น 4 ประเทศเป้าหมายหลัก ได้แก่
1. กัมพูชา
- โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (On-Going):
- โครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 67 (National Road No. 67 Improvement Project)
- โครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 68 (National Road No. 68 Improvement Project)
- โครงการใหม่ (New Projects):
- โครงการพัฒนาด่านพรมแดนสตึงบทระยะที่ 2 (Stung Bot Border Checkpoint Development Project Phase 2)
- โครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 57 (National Road No. 57 Improvement Project)
- โครงการพัฒนาระบบน้ำเพื่อเมืองน่าอยู่ ทนทาน และมั่นคงด้านน้ำ ระยะที่ 2 (Livable, Resilient and Water Secure Cities Investment Program – Tranche 2)
2. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
- โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (On-Going):
- โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 5 (The Fifth Thai–Lao Friendship Bridge Project)
- โครงการปรับปรุงเส้นทางสาย R12 (R12 Road Improvement Project)
- โครงการใหม่ (New Projects):
- โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง เชียงแมน–หลวงพระบาง (Chiangman–Luang Prabang Mekong River Bridge Project)
- โครงการพัฒนาระบบประปาในเขตเมืองระยะที่ 2 (Urban Water Supply Development Project Phase 2)
3.เมียนมา
- โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (On-Going):
- โครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าในกรุงย่างกุ้ง (Electricity Distribution System Improvement Project in Yangon City)
- โครงการอื่น ๆ:
- อยู่ระหว่างการพิจารณาและทบทวนใหม่ โดยต้องรอให้สถานการณ์ภายในประเทศเมียนมาสงบก่อนดำเนินการเพิ่มเติม
4. ติมอร์-เลสเต
- โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (On-Going):
- โครงการปรับปรุงศูนย์บริการสุขภาพแม่และเด็กเพื่อการดูแลฉุกเฉินระยะยาว (Basic Emergency Obstetric and Newborn Care: BEmONC Project) ร่วมกับกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA)
เตรียมแนวทางระดมทุน-ร่วมลงทุนในอนาคต
นายพีรเมศร์กล่าวต่อด้วยว่า NEDA ยังอยู่ระหว่างการวางแนวทางความร่วมมือทางการเงินในอนาคตได้แก่
1.การระดมทุนด้วยพันธบัตรเพื่อสังคม (Social Bond) ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2568 เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการสนับสนุนโครงการที่มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ทางสังคม ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ
การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และการลดความเหลื่อมล้ำในประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน
2.ความร่วมมือทางการเงินผ่านสกุลเงินหลัก (Major Currency) เช่น สกุลเงิน USD และ EURO เพื่อรองรับการดำเนินโครงการในประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย (non-bordering countries)ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการบริหารจัดการทางการเงิน รวมถึงรองรับการขยายบทบาทและโอกาสความร่วมมือระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
3.การวางกรอบ Climate Resilient Projects ที่มีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อให้มั่นใจว่าโครงการต่าง ๆ สามารถรับมือกับความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การวางแผน การบริหารจัดการ ไปจนถึงการติดตามประเมินผล โดยเน้นความยั่งยืนและการบรรลุเป้าหมาย SDG 13 (Climate Action)
4.การผลักดันการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน Public-Private Partnership (PPP) และ Blended Finance เพื่อให้สอดคล้องกับความพร้อมของแต่ละโครงการและเป็นปัจจุบัน และดึงดูดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการของรัฐมากขึ้น โดยแผนร่วมลงทุนฯ ได้ครอบคลุมถึงโครงการที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณะได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้นดังนั้น การระดมทรัพยากรทางการเงิน ความเชี่ยวชาญ และนวัตกรรมจากหลายภาคส่วนจะเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินโครงการ เสริมสร้างความยั่งยืน และลดภาระทางการเงินของภาครัฐด้วย







