แม่ฮ่องสอนโมเดล ยกระดับกระเทียม สู่สินค้าเกษตรมูลค่าสูง

การเพาะปลูกกระเทียม GAP คือบทพิสูจน์ได้ว่ากระเทียมไทยก้าวข้ามจุดเสี่ยงจากผลกระทบหลังไทยเปิดเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ กับจีนได้ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กระแสสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ การยกระดับคุณภาพพืชเศรษฐกิจ ยังเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะ “แม่ฮ่องสอนโมเดล” นโยบายสำคัญที่กรมส่งเสริมการเกษตร มีทิศทางการพัฒนาพืช โดยเฉพาะกระเทียมแม่ฮ่องสอน สุดยอดกระเทียมไทย สิ่งที่ทำให้แตกต่าง จากกระเทียมทั่วไปคือ “กลิ่นหอมเข้มข้น” และ “รสชาติจัดจ้าน” ที่โดดเด่น เมื่อนำไปปรุงอาหาร ไม่ว่าจะผัด แกง หรือเจียว กลิ่นจะหอมฟุ้งน่ารับประทานกว่ากระเทียมทั่วไป เปลือกบาง กลีบแน่น แห้งง่าย และสามารถเก็บรักษาได้นาน ซึ่งล้วนเป็นผลจากการปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม อุดมสมบูรณ์บนพื้นที่สูง อุณหภูมิเย็น และแสงแดดเพียงพอในฤดูหนาว
การพัฒนาแม่ฮ่องสอนโมเดล เป็นหนึ่งโมเดลสำคัญที่บูรณาการงานโดยใช้พื้นที่ เกษตรกร เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อน มีการวิเคราะห์ปัญหาภายใต้หลักการ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการผลิตสินค้าเกษตรให้กับเกษตรกร และเป็นต้นแบบในการผลิตสินค้าเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ผลผลิตที่มีมูลค่าสูงและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร เป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยดำเนินการเลือกสินค้าเกษตรสำคัญที่ เช่น กระเทียม มีพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอปาย
ผลจากการดำเนินการส่งเสริมการปลูกกระเทียมนำร่องที่บ้านนาปลาจาด ตำบลห้วยผา อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ในช่วงที่มีปัญหาราคาตกต่ำ พบว่าราคากระเทียมในพื้นที่ดำเนินการ มีความแตกต่างจากพื้นที่อื่น เช่น กระเทียม GAP จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 65 บาท (มัดจุกแห้งไม่ตัดราก) กระเทียม GAP มักจุกแต่งสวยงาม ซึ่งปัจจุบันสามารถจำหน่ายกิโลกรัมละ 130 บาท ในขณะที่ ราคาผลผลิตกระเทียมในพื้นที่อื่นๆ มีราคาที่ตกต่ำอยู่ที่ กิโลกรัมละ 30 บาท ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาการขาดทุน จากปัญหาหลักในช่วงเริ่มฤดูฝน ไม่มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อผลผลิตในพื้นที่ เนื่องจากตลาดกระเทียมปลายทางในจังหวัด เชียงใหม่ ลำพูน ที่มีการรับซื้อไปในห้วงก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ระบายออก จึงยังไม่สามารถรับผลผลิตเข้าเพิ่มเติมได้ สำหรับพื้นที่ที่เกษตรกรประสบปัญหาราคาตกต่ำ
สำนักงานเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ประสานเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการและแหล่งรับซื้อ โดยเฉพาะโรงงาน ผลิตพริกแกง และกระเทียมดอง ที่มีความต้องการผลผลิตกระเทียมสดและกระเทียมแกะกลีบ มีเป้าหมาย จำนวน 1,000 ตัน พร้อมนี้ ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรจัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากต้น / ใบ กระเทียมเก่าของปีที่ผ่านมา ทำปุ๋ยหมักชีวภาพ เพื่อลดปัญหาการเผาเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่ และเพิ่มปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ที่จำเป็นไปใช้ปรับปรุงบำรุงดิน
“เกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน นิยมปลูกกระเทียมช่วงฤดูแล้งหลังเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ในเดือนต.ค.ถึงพ.ย. และเก็บเกี่ยวในช่วงต้นปีจนถึงกลางเดือนเม.ย. เป็นการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ในฤดูแล้ง หลายครัวเรือนยังใช้วิธีปลูกแบบอินทรีย์ หรือกึ่งอินทรีย์ หลีกเลี่ยงสารเคมี การปลูกและดูแลรักษาแปลงด้วยแรงงานจากคนในครอบครัว สะท้อนถึง ความใส่ใจในคุณภาพและความรักในผืนดินของตนเอง กระเทียมแม่ฮ่องสอนไม่เพียงแต่ขายดีในตลาดท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเริ่มขยับขยายไปสู่ตลาดออนไลน์ และกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพทั่วประเทศ บางกลุ่มเกษตรกรรวมตัวกัน เป็นวิสาหกิจชุมชน แปรรูปกระเทียมเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมใช้ เช่น กระเทียมดอง กระเทียมเจียวบรรจุขวด กระเทียมอบแห้ง หรือกระเทียมผง ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าในสินค้าได้หลายเท่า”
แม้จะเผชิญกับความท้าทาย เช่น ราคากระเทียมต่างประเทศที่ต่ำกว่า การขาดระบบตลาดที่มั่นคง และต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น แต่ความร่วมมือของเกษตรกรในชุมชน หน่วยงานรัฐ และเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่สร้างแนวทางใหม่ของการพัฒนากระเทียมแม่ฮ่องสอนที่เป็นสินค้า GI ให้เป็นสินค้าคุณภาพที่เป็นอัตลักษณ์และมีความยั่งยืน อนาคตของกระเทียมจากขุนเขานี้ไม่ได้อยู่แค่ในตลาดสด แต่คือเส้นทางของ "สินค้าเชิงวัฒนธรรม” ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของผู้คนกับธรรมชาติ วิถีชีวิต และความภาคภูมิใจในถิ่นฐานของตน
หนึ่งในหัวใจสำคัญของการพัฒนากระเทียมคือ การคัดเลือกสายพันธุ์ ให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและภูมิสังคมของพื้นที่ ให้ได้พันธุ์ที่มีคุณลักษณะเด่น เช่น กลิ่นหอมจัด เปลือกบาง รสเผ็ดร้อน ต้านทานโรคได้ดี การมีคุณค่าทางโภชนาการ มีการใช้เทคโนโลยีการผลิตและการจัดการเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของกระเทียม โดยการนำเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่เข้ามาช่วยเป็นสิ่งจำเป็น เช่น การวิเคราะห์ดินและน้ำ การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและน้ำ การใช้ระยะปลูกที่เหมาะสม การใช้ปุ๋ยชีวภาพแทนปุ๋ยเคมี
รวมถึงการควบคุมโรคและศัตรูพืชด้วยการใช้สารชีวภัณฑ์ มีการรับรองการผลิตตามแบบเกษตรดีที่เหมาะสม (GAP) การเก็บผลผลิตในระยะเวลาที่เหมาะสมช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตและรักษาคุณภาพของผลผลิตได้ในระยะยาว การแปรรูปและเพิ่มมูลค่า กระเทียมสามารถนำไปแปรรูปได้หลายรูปแบบ เช่น กระเทียมเจียว กระเทียมดอง กระเทียมดำ หรือผงกระเทียม รูปแบบกระเทียมปรุงรส ช่วยให้เก็บรักษาได้นานขึ้น สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ทั้งยังตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ มีการสร้างภาพลักษณ์ ที่ดีให้กับกระเทียมจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยการทำ ตราสินค้า (Brand) ของชุมชน การทำข้อมูลอัตลักษณ์ เพื่อบ่งชี้แหล่งที่มาของกระเทียมคุณภาพ รวมถึงการใช้ช่องทางออนไลน์และการจำหน่ายในรูปแบบต่างๆเพื่อกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคโดยตรง อีกทางหนึ่งด้วย







