ปศุสัตว์ ลุ้นส่งออกไก่พุ่ง หลังบราซิลเจอหวัดนก ย้ำเข้มแผนป้อง

ปศุสัตว์  ลุ้นส่งออกไก่พุ่ง หลังบราซิลเจอหวัดนก ย้ำเข้มแผนป้อง

ไทยเตรียมรับออร์เดอร์สั่งไก่ทะลักแน่ หลังบราซิลเจอไข้หวัดนก กรมปศุสัตว์ย้ำระบบป้องกันโรคแน่นหนา” หวั่นสภาพอากาศแปรปรวน เสี่ยงโรคแพร่ระบาด

จากสถานการณ์ที่เกิดไข้หวัดนกระบาดในบราซิล โดยบราซิลยืนยันพบการระบาดของเชื้อไวรัส HPAI ซึ่งเป็นสายพันธุ์รุนแรงในฟาร์มแห่งหนึ่ง ทำให้ประเทศจีนและสหภาพยุโรป สั่งระงับนำเข้าเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์จากประเทศบราซิล สถานการณ์นี้อาจส่งผลดีต่อการส่งออกไก่ของไทย

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ที่สุดของโลก พบการระบาดของเชื้อไข้หวัดนกชนิดรุนแรง (HPAI) ภายในฟาร์มแห่งหนึ่ง และได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ประเทศคู่ค้าอย่างจีนและสหภาพยุโรป (EU) ประกาศระงับการนำเข้าเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์จากบราซิลเป็นการชั่วคราวทันที

ปศุสัตว์  ลุ้นส่งออกไก่พุ่ง หลังบราซิลเจอหวัดนก ย้ำเข้มแผนป้อง

ข้อมูลจากสมาคมผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ของบราซิล ระบุว่า ในปีที่ผ่านมา จีนและ EU นำเข้าเนื้อไก่จากบราซิลรวมกันกว่า 793,000 ตัน ซึ่งคิดเป็นเกือบ 15% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด สถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในการขยายตลาดและรองรับคำสั่งซื้อที่อาจเบนเป้ามาสู่ผู้ผลิตที่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยด้านสุขภาพสัตว์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

“ประเทศไทยเคยเกิดโรคไข้หวัดนกเพียงครั้งเดียวเมื่อกว่า 10 ปีก่อน และไม่เคยพบการระบาดซ้ำอีกเลย นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา กรมปศุสัตว์ได้วางระบบป้องกันโรคที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำ ซึ่งได้รับการยอมรับจากประเทศคู่ค้าทั่วโลก "

ปศุสัตว์  ลุ้นส่งออกไก่พุ่ง หลังบราซิลเจอหวัดนก ย้ำเข้มแผนป้อง

นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ยังเน้นย้ำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสัตว์ปีก รักษามาตรการป้องกันโรคในฟาร์มอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพอากาศแปรปรวน เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด และรักษาความเชื่อมั่นจากตลาดส่งออก ซึ่งไม่เพียงส่งผลดีกับระบบการเลี้ยงสัตว์ของไทย แต่ยังอาจทำให้คำสั่งซื้อเนื้อไก่จากประเทศต่างๆ หลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทย เป็นอานิสงส์หลังไทยสามารถป้องกันโรคได้ดี

สำหรับมาตรการป้องกันไข้หวัดนกในฟาร์มของไทย ซึ่งมีความเข้มงวดและครอบคลุมทั้งระบบการผลิตและการควบคุมโรค มีแนวทางสำคัญดังนี้ 1) ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ที่ต้องจำกัดการเข้า-ออกฟาร์มอย่างเข้มงวดของบุคคลและยานพาหนะทุกประเภทซึ่งต้องผ่านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อก่อนเข้า-ออกฟาร์ม อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในฟาร์มต้องได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสม่ำเสมอ รวมถึงห้ามนำสัตว์ปีกหรือผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากแหล่งที่ไม่ทราบประวัติหรือจากพื้นที่เสี่ยงเข้าฟาร์มโดยเด็ดขาด และต้องมีการจัดการมูลสัตว์และซากสัตว์ปีกอย่างถูกสุขลักษณะ 2) ระบบคอมพาร์ทเม้นท์ หรือ การเลี้ยงสัตว์ปีกระบบฟาร์มปิดตามมาตรฐานสากล (WOAH) ดำเนินการครอบคลุมตั้งแต่โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์ม ไปจนถึงโรงงานแปรรูป โดยต้องมีการควบคุมและติดตามสุขภาพสัตว์ปีกอย่างต่อเนื่อง

ปศุสัตว์  ลุ้นส่งออกไก่พุ่ง หลังบราซิลเจอหวัดนก ย้ำเข้มแผนป้อง

 3) การเฝ้าระวังและติดตามสุขภาพสัตว์ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ โดยต้องมีการตรวจสอบสุขภาพสัตว์ปีกในฟาร์มเป็นประจำ หากพบสัตว์ปีกป่วยหรือตายผิดปกติ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทันที รวมถึง การส่งเสริมการอบรมและให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการเฝ้าระวังและป้องกันโรค 4) การควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีก ต้องควบคุมและตรวจสอบการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวด และระงับการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ ไก่ไข่ และเนื้อสัตว์ปีก จากประเทศที่มีการระบาดของไข้หวัดนก เพื่อป้องกันการนำเชื้อเข้าสู่ประเทศ 5) การทำลายสัตว์ปีกในกรณีสงสัยสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติตามนิยามของโรคไข้หวัดนก ในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ที่มีความเกี่ยวข้องด้านระบาดวิทยา

"การควบคุมเฝ้าระวังป้องกันโรคระบาดที่สำคัญในปศุสัตว์จะดำเนินการแบบบูรณการหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ภายใต้สุขภาพหนึ่งเดียว(one health) โดยไม่เพียงแต่ฟาร์มไก่เท่านั้นที่ต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันโรค แต่ยังรวมถึงฟาร์มสุกร ฟาร์มโค ฟาร์มแพะ-แกะ อีกด้วย เพื่อให้ประเทศไทยคงสถานะเป็นประเทศปลอดโรคและรักษาความเชื่อมั่นในสินค้าเกษตรต่อไปในตลาดโลก"

ทั้งนี้ หากเกษตรกรพบอาการสัตว์ผิดปกติ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานปศุสัตว์ในพื้นที่ หรือผ่านทาง Application DLD 4.0 หรือโทรศัพท์สายด่วน 063-225-6888 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที