มรดกโลกชี้สเปกไฮสปีด“สถานีอยุธยา”ห้ามเด่นกว่าโบราณสถาน

โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ - หนองคาย เชื่อมต่อไปยังสปป.ลาว และจีนและเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและจีน
เส้นทางก่อสร้าง โครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะแรก1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา จำนวน 6 สถานี ประกอบด้วย 1. สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 2. สถานีดอนเมือง 3. สถานีอยุธยา 4.สถานีสระบุรี 5. สถานีปากช่อง 6. สถานีนครราชสีมา และมีศูนย์ควบคุม 1 แห่งที่เชียงรากน้อย และศูนย์ซ่อมบำรุง 3 แห่ง ได้แก่ เชียงรากน้อย สระบุรี และโคกสะอาด
โดย สถานีอยุธยา นับมีเงื่อนไขการก่อสร้างพิเศษที่ต้องใช้ความรอบคอบอย่างมาก ล่าสุดเมื่อ19 ม.ค.2568 ณ อาคารนิทรรศการเครื่องทองอยุธยา พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว พร้อม Mr. Michael Pearson และ
Mr. Gamini Wijesuriya คณะผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลก ในการลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตาม โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงช่วงสถานีอยุธยา โดยมีนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ตัวแทนบริษัทก่อสร้าง ผู้แทนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กรมการขนส่งทางราง ตลอดจนคณะทำงาน ร่วมหารือในครั้งนี้
ในโอกาสนี้คณะผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลก ได้ลงพื้นที่สถานีรถไฟอยุธยา เพื่อรับทราบข้อมูลจากพื้นที่จริง ก่อนจะนำข้อมูลส่งไปยังคณะกรรมการมรดกโลกต่อไป
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การรถไฟฯ ได้รับรายงานความคิดเห็นแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์นานาชาติเพื่อการศึกษาการสงวนรักษาและการบูรณะมรดกทางวัฒนธรรม (ICCROM) และผู้เชี่ยวชาญจากสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS) ซึ่งเป็นผู้แทนองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลก ภายหลังได้ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อสำรวจพื้นที่จริง และรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับรายงานการประเมินผลกระทบทางทรัพย์สินและวัฒนธรรมต่อแหล่งมรดกโลก นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (HIA) กรณีโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงสถานีอยุธยา( เมื่อวันที่ 19 – 22 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา) ข้อสรุปสำคัญ ดังนี้
1.การเปลี่ยนแปลงเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่ผ่านจังหวัดอยุธยา ไม่สามารถดำเนินการได้
2.แบบก่อสร้างสถานี และระดับความสูงของรางรถไฟ ควรมีการปรับลดลง เพื่อให้โครงสร้างของรถไฟและสถานี จะไม่สามารถมองเห็นได้จากภายในพื้นที่มรดกโลก
3.ควรมีการจัดทำแผนร่วมกันระหว่างกรมการขนส่งทางราง กรมศิลปกร หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหารือแนวทางการลดผลกระทบทางอ้อม และผลกระทบสะสมในระยะยาว ทั้งด้านการวางผังเมืองบริเวณโดยรอบสถานี เพื่อพัฒนาผังเมืองแบบบูรณาการ และการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง
รวมถึงการบริหารจัดการการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว อาทิ การจำกัดจำนวนคนที่เข้าเยี่ยมชมสถานที่ หรือเพิ่มการควบคุมหากมีผลกระทบทางกายภาพหรือเชิงประจักษ์ และด้านการวางแผนสิ่งอำนวยความสะดวกและการเดินทาง โดยให้เชื่อมโยงสถานีรถไฟความเร็วสูงกับแหล่งมรดกโลกและโบราณสถานที่สำคัญระดับชาติ
นอกจากนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญฯ ยังเสนอแนวทางเพิ่มเติมเกี่ยวกับด้านการออกแบบ โดยแนะนำให้ออกแบบอาคารสถานีให้เหมาะสมกับภูมิทัศน์โดยรอบ ทั้งในด้านความสูง ขนาด และการก่อสร้างส่วนทึบของอาคารให้เหมาะสม อาทิ ผนังและเพดาน เพื่อลดข้อจำกัด หรือผลกระทบต่อทัศนียภาพที่อาจเกิดขึ้นต่อแหล่งมรดกโลกหรือโบราณสถาน
รวมทั้งยังเสนอให้มีการปลูกต้นไม้ในสวนสาธารณะพื้นที่ 2 และ 3 และปลูกต้นไม้ทดแทนในส่วนที่ต้องรื้อถอนจากการก่อสร้าง เพื่อฟื้นฟูภูมิทัศน์โดยรอบให้กลับคืนสู่ความกลมกลืนตามข้อเสนอในรายงานการประเมินผลกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรม (HIA)
ทั้งนี้ การรถไฟฯ ได้ปรับรูปแบบตามที่ผู้เชี่ยวชาญฯ ได้เสนอแนะเรียบร้อยแล้ว และพร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อสร้างความเข้าใจในระดับนานาชาติ และยืนยันจุดยืนของไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กับการอนุรักษ์มรดกโลกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง