“ครม.”ปลดล็อกธุรกิจส่งออกข้าว ลด-เลิกค่าไลเซนส์เปิดทางรายย่อย

“ครม.”ปลดล็อกธุรกิจส่งออกข้าว ลด-เลิกค่าไลเซนส์เปิดทางรายย่อย

กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า การส่งออกข้าวเดือนม.ค.-มี.ค.2568มีปริมาณ 1,804,779 ตัน มูลค่า38,586.4 ล้านบาท หรือ 1,140.1 ล้านดอลลาร์

 “ข้าว”ยังเป็นอาหารหลักของคนไทย และ “การผลิตข้าว” ก็มีประชากรไทยสัดส่วนถึง25% หรือ ราว 18 ล้านคนมีอาชีพเป็น ชาวนา ดังนั้น“ข้าว”จึงเป็นทั้งสินค้าทางเศรษฐกิจและความมั่นคงด้านอาหารของประเทศไทย

สืบเนื่องจากรัฐบาล โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลงาน 90 วันเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 โดยมีประเด็นนโยบายเร่งด่วนดำเนินการปลดล็อกการผูกขาด โดยเฉพาะเรื่องข้าว เพื่อเกษตรกรทุกคน ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถส่งออกข้าวไปทั่วโลกได้โดยลดขั้นตอนการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการส่งออกข้าว จากเดิมมีเงื่อนไขว่าผู้ส่งออกข้าวทั่วไป หรือข้าวกระสอบใหญ่ต้องมีสต๊อกข้าว 500 ตัน หรือประมาณ 20 ตู้คอนเทนเนอร์ ตามประกาศคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 (ประกาศ ปกข.) ฉบับที่ 150 พ.ศ. 2560 นำมาปรับใหม่ด้วยการแก้ไขประกาศ ปกข. ดังกล่าว “ปรับลดการกำหนดสต๊อกข้าวส่งออก” โดยมีการกำหนดกลไกในการติดตาม และเฝ้าระวัง 

นอกจากนี้ยังมีประเด็นการลดค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตประกอบการค้าข้าว สำหรับประเภทค้าข้าวส่งไปจำหน่ายต่างประเทศที่เป็นผู้ส่งออกทั่วไปและผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ และยกเลิกค่าธรรมเนียมดังกล่าว แก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ ซึ่งเป็นอุปสรรคหนึ่งสำหรับเกษตรกร และผู้ประกอบการSMEs ในการเป็นผู้ส่งออกข้าวเอง

ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อ 13 พ.ค. 2568 ที่ประชุมมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการประกอบการค้าข้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

สำหรับสาระสำคัญร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการประกอบการค้าข้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าธรรมเนียมการประกอบการค้าข้าว โดยปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าว ประเภทค้าข้าวส่งไปจำหน่ายต่างประเทศที่เป็นผู้ส่งออกทั่วไป และผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ 

และยกเว้นค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตและยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุหนังสืออนุญาตที่เป็นผู้ส่งออกทั่วไปหรือผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ ให้แก่เกษตรกรกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์เพื่อส่งเสริมศักยภาพให้แก่เกษตรกร และผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) 

โดยให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตและค่าธรรมเนียมการต่ออายุหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าว ประเภทค้าข้าวส่งไปจำหน่ายต่างประเทศที่เป็นผู้ส่งออกทั่วไปหรือผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ ที่เป็นเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์ซึ่งได้จดทะเบียนรับรองไว้กับหน่วยงานราชการ

“สามารถแข่งขันในการส่งออกข้าวซึ่งเป็นสินค้าเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของประเทศ รวมทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ ซึ่งสอดรับกับนโยบายรัฐบาลและสอดคล้องกับ สภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ปัจจุบัน”

    ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตและการต่ออายุหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าว ตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

 "รัฐจะมีการสูญเสียรายได้ประมาณ 5.2 ล้านบาทต่อปีแต่จะเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรสหกรณ์ และผู้ประกอบการ (SMEs) ส่งออกข้าวได้ สร้างโอกาส และสร้างรายได้แก่ประชาชนตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งลดภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะส่งออกข้าวไปจำหน่ายในต่างประเทศ"

ข้อมูลจาก สรุปผลการรับฟังความคิดเห็น ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการประกอบการค้าข้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการประกอบการค้าข้าว พ.ศ. 2559)เผยแพร่โดยกรมการค้าภายใน ระบุว่า  สมาคมที่เกี่ยวข้องกับการค้าข้าวหรือผู้ประกอบการค้าข้าว ได้แก่ สภาเกษตรกรแห่งชาติ ศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศไทย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย สมาคมค้าข้าวไทยผู้เข้าร่วมประชุมสนับสนุนการส่งเสริมการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับสถาบันเกษตรกร(กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์) รวมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ด้วยการปรับลดค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าว                   

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความมั่นใจ สะท้อนภาพลักษณ์และศักยภาพในการส่งออกและการส่งมอบข้าว ไม่ให้เกิดความเสียหายในการค้า และชื่อเสียงการส่งออกข้าวไทยในภาพรวม ตลอดจนด้านปริมาณข้าวคงคลังที่เป็น safety stock ดังเช่นประเทศอื่น 

"ประเด็นการปรับลดค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าว จากเดิมผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อฉบับละ 20,000 บาท ผู้ส่งออกทั่วไปฉบับละ 50,000 บาท ปรับเป็นผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ ฉบับละ 10,000 บาท ฯลฯ เบื้องต้นนั้น  ผู้แทนสมาคมผู้ส่งอกข้าวไทยเห็นควรยกเลิกค่าธรรมเนียม ทุกรายการ และผู้แทนภาคเกษตรกร เห็นควรลดให้กับสถาบันเกษตรกรเหลือ ฉบับละ 10,000 บาท  ส่วนผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทยและ สมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่เห็นด้วยกับการลดค่าธรรมเนียมเหลือ 10,000 บาท เนื่องจากประสบปัญหา ผู้ส่งออกที่จดทะเบียนได้ง่าย บางส่วน มีการทำธุรกิจไม่ซื่อตรง (ไม่ชำระค่าข้าว ให้กับโรงสี)"

โดยมาติครม.เรื่องการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าวประเภทค้าข้าวส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ ดังนี้

ผู้ส่งออกทั่วไป(เดิมฉบับละ 50,000 บาท และไม่ได้กำหนดทุนจดทะเบียน) ทุนจดทะเบียนค่าธรรมเนียม5-10 ล้านบาทฉบับละ10,000 บาท ทุนจดทะเบียนมากกว่า 10-20 ล้านบาทฉบับละ30,000 บาท ทุนจดทะเบียนมากกว่า 20 ล้านบาทฉบับละ50,000 บาท

ทิศทางการค้าข้าวปัจจุบันที่กำลังเผชิญความท้าทายที่หลากหลายมากขึ้น กำลังเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตข้าวต้องรับตัวเพื่อแก้โจทย์ใหม่ๆที่กำลังจะเข้ามา การแก้กฎหมายค้าข้าวเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ยังไม่สามารถรับรองผลว่าจะเป็นไปตามที่่รัฐบาลคาดหวังไว้ หรือ อาจกลายเป็นการสร้างเพื่อเงื่อนไขใหม่ให้กับความท้าทายของธุรกิจส่งออกข้าวต่อไป

“ครม.”ปลดล็อกธุรกิจส่งออกข้าว ลด-เลิกค่าไลเซนส์เปิดทางรายย่อย