รัฐบาลพับแผนแจกหมื่น โยกงบฯ 1.5 แสนล้าน ทำแผนใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ

“รัฐบาล” คลอดแผนใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ พับแผนแจกเงิน 10,000 กันเงิน 1.5 แสนล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ ทำโครงการลงทุนขนาดเล็กกระจายทั่วประเทศ บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัด 19 พ.ค.68
KEY
POINTS
- “รัฐบาล” คลอดแผนใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ จ่อพับแผนแจกเงิน 10,000
- รับมือสถานการณ์สหรัฐ ขึ้นภาษีศุลกากรฉุดเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง
- กันวงเงิน 1.5 แสนล้าน ทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เล็งทำโครงการลงทุนขนาดเล็กกระจายทั่วประเทศ สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานล่าง
- บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัด 19 พ.ค.68 ถกมาตรการรับมือภาษีสหรัฐ
การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วงที่เหลือของปี 2568 ต้องปรับเปลี่ยนใหม่จากผลกระทบของสงครามการค้า และการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐที่กระทบเศรษฐกิจโลก รวมถึงการส่งออก และการผลิตไทย โดยทำให้ต้องทบทวนนโยบายการแจกเงิน 10,000 บาทโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาล
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะมีการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 19 พ.ค.68 นี้ โดยกระทรวงการคลังจะมีการเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบจากกรณีการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในประเทศประมาณ 1-2 ปี
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจส่งออก ธุรกิจซัพพลายเชนที่เกี่ยวเนื่อง และผู้ผลิตที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศที่ทะลักเข้ามา ทั้งนี้แม้จะมีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ GDP เติบโตเกิน 3% โดยจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องดูแลควบคู่กันไปเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังปี 2568 ทำให้รัฐบาลปรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมด โดยจะนำวงเงินที่อยู่ในงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน และจำเป็นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันเหลือวงเงิน 157,000 ล้านบาท มาจัดสรรใหม่เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับแผนใหม่จะออกเป็นแพ็กเกจ และเน้นรองรับผลกระทบจากการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ ซึ่งต้องเน้นการปรับโครงสร้างการผลิต การเสริมสภาพคล่องภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่จะชะลอตัวจึงต้องยกเลิกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กลุ่มเป้าหมายอายุ 16-20 ปี รวม 2.7 ล้านคน หรือ 27,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาทำโครงการที่เหมาะสมกับสถานการณ์
ทั้งนี้การทบทวนโครงการนี้จะใช้มติคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีนายกรัฐตรีเป็นประธาน โดยใช้ความเห็นประกอบจาก 2 หน่วยงานที่คัดค้านการแจกเงิน 10,000 บาท เฟสที่ 3 คือ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลอธิบายประชาชนได้ว่าทำไมจึงยกเลิกโครงการ ซึ่งการรองรับวิกฤติถือเป็นเหตุผลที่คาดว่าสังคมรับฟังได้
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทบทวนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 ว่า ขณะนี้มีความเห็นเข้ามาและมีมาตรการภาษีของสหรัฐที่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกเป็นปัจจัยใหม่จึงต้องฟังความเห็นเพิ่มหากได้ข้อสรุปจะรีบแจ้ง
นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามประเด็นยกเลิกโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอาจทำให้ประชาชนใจเสีย ว่า รัฐบาลหาวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ผลมากที่สุด เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ ต้องรับฟังความคิดเห็นให้ครบ และพยายามผลักดันทุกแง่มุม
ส่วนประเด็นจะปรับรูปแบบการใช้เหมือนโครงการคนละครึ่งได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่างที่ต้องช่วยกันหลายด้าน
“ตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่กระทบเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งต้องใช้ทั้งเม็ดเงิน และนโยบายต่างๆ กระตุ้นทั้งหมด ไม่ใช่แค่ช่วงอายุใดอายุหนึ่ง เพราะแผนงานเดิมจะแบ่งช่วงอายุ แต่แผนขณะนี้จะกระตุ้นทุกช่วงอายุทั้งหมด”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







