ราคาน้ำมันดิบร่วง หลังคลังสำรองสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกินคาด

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันพุธ หลังคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานล้น
รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดน้ำมันโลกวันพุธ (14 พ.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันพุธ หลังจากข้อมูลของรัฐบาลระบุว่าปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกิน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 54 เซ็นต์ หรือ 0.81% ปิดที่ 66.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) ลดลง 52 เซ็นต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 63.15 ดอลลาร์
ดัชนีทั้งสองตัวซึ่งซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในการซื้อขายวันก่อนหน้า ได้รับการหนุนจากการปรับลดภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐฯ และจีนเป็นการชั่วคราว ลดลงหลังจากข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) ระบุว่าปริมาณน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 441.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
EIA ระบุว่า การนำเข้าน้ำมันดิบสุทธิของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 422,000 บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว
ข้อมูลสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐยังแสดงให้เห็นว่าคลังน้ำมันดิบสำรองเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แหล่งข่าวในตลาดกล่าวเมื่อวันอังคาร
“แน่นอนว่าปริมาณน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นใน API ไม่ได้ช่วยอะไรเลย” จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์ของธนาคาร UBS กล่าวถึงราคาน้ำมันที่ร่วงลงในวันพุธ
กังวลน้ำมันล้นตลาด
กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) และกลุ่มประเทศพันธมิตร ซึ่งเรียกว่าโอเปกพลัส (OPEC+) ได้เพิ่มปริมาณน้ำมันเข้าสู่ตลาด
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธโอเปกได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของปริมาณน้ำมันจากสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศผู้ผลิตอื่นๆ นอกกลุ่มโอเปกพลัสในปีนี้
“พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนประมาณการความต้องการน้ำมัน แต่จะเพิ่มปริมาณน้ำมันเข้าไปอีก” บ็อบ ยาวเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพลังงานล่วงหน้าของธนาคาร Mizuho กล่าว “ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ปริมาณน้ำมันจะเกินความต้องการและทำให้ตลาดตกต่ำลง”






