สมประวิณ แนะทางออกไทยสู้สงครามการค้า ยืนบนจุดแข็ง เกษตร – บริการ

สมประวิณ ชี้โลกการค้าในยุค "ทรัมป์ 2.0" ที่เปลี่ยนจากการค้าเสรีเป็นสมรภูมิการแข่งขันที่หันหลังให้การค้าแบบพหุภาคีเดิมมาใช้มาตรการการกีดกันทางภาษี
KEY
POINTS
- โลกการค้าในยุค "ทรัมป์ 2.0" ที่เปลี่ยนจากการค้าเสรีเป็นสมรภูมิการแข่งขันที่หันหลังให้การค้าแบบพหุภาคีมี่การใช้มาตรการการกีดกันทางภาษี
- ทำให้ประเทศเล็กๆอย่างไทยต้องปรับกลยุทธ์การเอาตัวรอด
- ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง เสนอแนวทางการปรับกลยุทธ์ของชาติท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานโลก
- ยืนให้มั่นบนจุดแข็งของประเทศด้านเกษตร และบริการ ด้วยคุณภาพ พร้อมสร้างเศรษฐกิจภายในให้เข้มแข็ง
ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ นักเศรษฐศาสตร์ผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเงิน อดีตรองผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจการค้าระดับโลก พร้อมเสนอแนวทางรับมือของประเทศไทยท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจมองข้ามในยุคที่มีการเปลี่ยนอย่างมากหลังจากเข้าสู่ยุค "ทรัมป์ 2.0"
เขาอธิบายว่า สิ่งที่โลกเผชิญอยู่ในปัจจุบันคือ “จุดอิ่มตัวของการค้าเสรี” ที่นำไปสู่การแข่งขันทางการค้าอย่างรุนแรง หลายประเทศรู้สึกเสียเปรียบจากการขาดดุลและเริ่มหันหลังให้กับระบบห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain) แนวโน้มของโลกจึงกำลังเคลื่อนไปสู่การแบ่งกลุ่มการผลิตที่เป็นเอกเทศมากขึ้น ไม่ใช่ความร่วมมือข้ามพรมแดนเช่นที่ผ่านมา
จุดแข็งไทย: เกษตรและบริการ แต่ต้อง ‘ปรับมุมมอง’
ในบริบทเช่นนี้ ดร.สมประวิณเสนอว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องกลับมาทบทวน “จุดแข็ง” ของตนเอง โดยเฉพาะ ภาคเกษตรกรรม และ ภาคบริการ ที่เป็นแหล่งจ้างงานหลักของประเทศ
แต่การจะยืนระยะได้ในอนาคต ไม่อาจอิงกับการผลิตเชิงปริมาณหรือสินค้าราคาถูกได้อีกต่อไป หากต้องขยับสู่การสร้าง มูลค่าเพิ่ม เน้น คุณภาพ และ ราคาขายที่สะท้อนต้นทุนความรู้และนวัตกรรม เพื่อยกระดับรายได้แรงงานอย่างยั่งยืน
“เราต้องเลิกแข่งกันเรื่องของถูก ต้องแข่งกันเรื่องคุณภาพ มูลค่า และการออกแบบที่จะสร้างมูลค่าได้” ดร.สมประวิณย้ำ
ภารกิจคู่ขนาน: สร้างเศรษฐกิจภายใน – หาตลาดใหม่
นอกจากการเสริมแกร่งด้านคุณภาพสินค้า ดร.สมประวิณยังชี้ว่า ประเทศไทยควรเร่งสร้าง “เศรษฐกิจภายในประเทศให้แข็งแรง” และแสวงหา ตลาดส่งออกใหม่
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ยังไม่สามารถเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ได้เต็มรูปแบบ ซึ่งอาจมีโอกาสเปิดตลาดทางเลือกให้ไทยได้ใช้ความเป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นข้อได้เปรียบในทางการค้ามากขึ้น
นโยบายการเงิน: บทบาทสำคัญยามเศรษฐกิจเปราะบาง
ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ดร.สมประวิณมองว่า นโยบายการเงิน โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยนโยบาย มีบทบาทสำคัญในการลดแรงตึงทางเศรษฐกิจ แม้การลดดอกเบี้ยจะไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ แต่สัญญาณจากภาครัฐถือเป็นการ “รับรู้ปัญหา” และ “ส่งความเชื่อมั่น” ว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ทางรอดของไทย ต้องเปลี่ยน ‘วิธีคิด’ ไม่ใช่แค่ ‘วิธีทำ’
ท่ามกลางการแตกตัวของห่วงโซ่อุปทานโลกและการแข่งขันทางการค้าที่ดุเดือด ทางรอดของประเทศไทยคือ การค้นหาและขัดเกลาจุดแข็งเดิมให้ทันโลก โดยเฉพาะการแปรรูปภาคเกษตรและบริการจากเชิงปริมาณสู่เชิงคุณภาพ ควบคู่กับการขยายตลาดใหม่ เสริมเศรษฐกิจภายใน และใช้นโยบายการเงินอย่างชาญฉลาด เพื่อรักษาเสถียรภาพท่ามกลางคลื่นเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน
“เราอาจยังเป็นผู้เล่นรายเล็กในเวทีโลก แต่เราต้องเป็นผู้เล่นที่รู้ว่าตัวเองมีดีตรงไหน และใช้จุดนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้ได้” – ดร.สมประวิณ กล่าว







