เปิด 5 ข้อไทยเจรจาภาษีทรัมป์ ที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐชมว่าดีมาก!

เปิด 5 ข้อเสนอไทย เสนอสหรัฐ ขอเจรจาลดภาษี หลัง รมว.คลังสหรัฐ สก็อตต์ เบสเซนต์ ชมในเวทีที่ซาอุดีอาระเบีย ว่าข้อเสนอดีเยี่ยม ลุ้นไทยได้คิวเจรจาการค้าสหรัฐ
กรณีที่ นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวในเวทีเสวนา Saudi Investment Forum ณ กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย ในวันอังคาร 13 พ.ค.68 ตามเวลาท้องถิ่น ตอบคำถามพิธีกรถึงแนวโน้มการทำข้อตกลงกับประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากที่ทำกับสหราชอาณาจักร
โดยขุนคลังสหรัฐระบุว่าเน้นการทำข้อตกลงในเอเชีย การหารือกับญี่ปุ่นได้ผลมาก ส่วนเกาหลีใต้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงผู้นำ อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ได้ติดต่อสหรัฐมาก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งพร้อมด้วยข้อเสนอที่ดีมาก อินโดนีเซีย คู่ค้ารายใหญ่ก็ติดต่อกันอย่างดี ไต้หวันยื่นข้อเสนอที่ดีมาก “และประเทศไทยก็เช่นกัน”
ก่อนหน้านี้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่าได้ส่งข้อเสนอ(proposal) ในการเจรจากับสหรัฐของไทยถึงนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ และเจมสัน กรีเออร์ ประธานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) โดยหวังว่าจะได้รับการตอบรับในการนัดเจรจาใน 2 สัปดาห์นี้
“กรุงเทพธุรกิจ” พาท่านผู้อ่านไปดูข้อสาระสำคัญของข้อเสนอ 5 ข้อ ที่ไทยส่งถึงสหรัฐ ซึ่งมีเป้าหมายลดการเกินดุลกับสหรัฐให้ได้ 50% ภายใน 5 ปี และส่งเสริมความร่วมมือเป็นพันธมิตรระดับยุทธศาสตร์มากขึ้นในอนาคต ได้แก่
1.เสริมความร่วมมือธุรกิจอาหารแปรรูปไทย และสหรัฐ มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ด้วยการใช้จุดแข็ง 2 ประเทศร่วมกัน โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพื่อเป็นวัตถุดิบแปรรูปและส่งออกไปตลาดโลก และหารือร่วมภาคเกษตรของสหรัฐที่เป็นฐานเสียงสำคัญทางการเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
2.เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ โดยไทยมีแผนเพิ่มการนำเข้าสินค้าจำเป็น อาทิ พลังงาน (น้ำมันดิบ, LNG, อีเทน), เครื่องบินและชิ้นส่วน, อาวุธยุทโธปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เกษตรอย่างข้าวโพด ถั่วเหลือง และเนื้อวัว เพื่อกระชับความสัมพันธ์เชิงพาณิชย์ และตอบสนองความต้องการของเศรษฐกิจในประเทศ
3.เปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า การลดภาษีนำเข้าภายใต้ระบบ MFN จำนวน 11,000 รายการ ลง 14% รวมถึงการลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของความร่วมมือ อีกทั้งลดโควตาและข้อจำกัดพร้อมเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐ เช่น เชอรี่ แอปเปิ้ล ข้าวสาลี ข้าวโพด และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์
4.บังคับใช้กฎหมายถิ่นกำเนิดสินค้าเคร่งครัดผ่านการบังคับใช้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อแก้ปัญหาการสวมสิทธิ์สินค้า “Made in Thailand” โดยสินค้าจากประเทศที่ 3 ส่งออกผ่านไทยไปสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มการเฝ้าระวังเพื่อรักษาภาพลักษณ์สินค้าไทยในตลาดสหรัฐ
5.ส่งเสริมการลงทุนไทยในสหรัฐ ภาครัฐสนับสนุนการขยายการลงทุนของเอกชนไทยในสหรัฐ ภายใน 4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เช่น โครงการลงทุน LNG ในรัฐอลาสก้า และการลงทุนฟาร์มเกษตรขนาดใหญ่ ปัจจุบันเอกชนไทยลงทุนในสหรัฐ 70 แห่ง ใน 20 มลรัฐ สร้างงานมากกว่า 16,000 ตำแหน่ง มูลค่าการลงทุน 16,000 ล้านดอลลาร์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







