พลังงานส่งทีมเจรจา“Alaska LNG ”เฟ้นความร่วมมือดันไทยฮับภูมิภาค

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารให้รัฐบาลกลางจัดลำดับความสำคัญในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG
เนื่องจาก Alaska LNG มี “ความสำคัญระดับชาติอย่างสำคัญ” และ “มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ”
ข้อมูลจากเวบไซด์ Alaska Gasline Development Corporation ระบุว่า โครงการ Alaska LNG ซึ่งกำหนดว่าจะใช้กรรมวิธีการผลิตที่สะอาด ประหยัดพลังงาน และปลอดภัย เพื่อจัดหาแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มั่นคงสำหรับการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการจำหน่ายภายในรัฐ
โครงการนี้ซึ่งได้รับการพัฒนาโดย Alaska Gasline Development Corporation คาดว่าจะส่งมอบก๊าซจากแหล่งก๊าซ North Slope ได้เฉลี่ยประมาณ 3,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะส่งไปยังตลาดต่างประเทศ ชาวอะแลสกาจะได้แหล่งก๊าซธรรมชาติสำหรับทำความร้อนในบ้าน ผลิตไฟฟ้า และใช้ในเชิงอุตสาหกรรมในระยะยาวและราคาไม่แพง
นอกจากนี้ โครงการ Alaska LNG ออกแบบมาเพื่อส่งมอบก๊าซธรรมชาติที่ North Slope ให้กับชาวอะแลสกาและส่งออก LNG ให้กับพันธมิตรของสหรัฐทั่วแปซิฟิก ได้รับการสนับสนุนทัั้งในช่วงรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ในปี 2020 และประธานาธิบดีไบเดนในปี 2022 รวมถึงเป็นโรงงานส่งออก LNG ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลางแห่งเดียวบนชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐ และยังพร้อมสำหรับการขนส่งโดยตรงไปยังตลาดอาเซียนด้วย
เมื่อเร็วๆนี้ นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) เดินทางไปรัฐอะแลสกา เพื่อพบหารือกับผู้ว่าการรัฐอะแลสกา กรรมาธิการด้านรายได้และกรรมาธิการด้านทรัพยากรธรรมชาติรัฐอะแลสกา ประธานบริษัท Alaska Gasline Development Corperartion และผู้แทนบริษัท Glenfarne ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สำคัญทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการลงทุนเพื่อผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลวจากรัฐอะแลสกา สหรัฐ
การเดินทางไปเจรจาโครงการก๊าซธรรรมชาติเหลวครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเยือนไทยของ Mr. Mike Dunleavy ผู้ว่าการรัฐอะแลสกา เมื่อเดือนมี.ค. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump ได้เสนอข้อริเริ่มความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG เพิ่มเติมจากความร่วมมือเดิมที่ไทยได้มีการนำเข้าน้ำมันและรับซื้อ LNG จากสหรัฐมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
“การเจรจาครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนแนวนโยบายของกระทรวงพลังงานในการแสวงหาแหล่งเชื้อเพลิงเพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานของไทยที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำที่มีบทบาทสำคัญในช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน”
ความร่วมมือในโครงการดังกล่าวยังเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือในการลงทุนและผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของไทยและผลักดันบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้า LNG ในภูมิภาคเอเชียในอนาคตอีกด้วย
นายประเสริฐ กล่าวว่า จากแนวโน้มการเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าของไทยในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้
ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึง เทคโนโลยี AI, cloud service และการขยายตัวของ Data Center ทำให้ประเทศไทยยังคงต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้าควบคู่ไปกับการพัฒนาพลังงานสะอาด
ดังนั้น Alaska LNG จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกในอนาคตสำหรับการจัดหาแหล่งก๊าซธรรมชาติในราคาที่เหมาะสมที่จะช่วยส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในระยะยาวได้
“การเจรจาในครั้งนี้จะช่วยเน้นย้ำความสนใจของไทยที่จะร่วมมือกับสหรัฐในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการลงทุนในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม การร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในแหล่งดังกล่าว รวมถึง การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวระยะยาวจากสหรัฐในราคาที่เหมาะสม”
สำหรับแหล่งอะแลสกาถือเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์และได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายจากรัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเข้มแข็ง รวมถึง มีศักยภาพของปริมาณก๊าซสำรองที่พิสูจน์แล้วในพื้นที่ North Slope กว่า 40 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ที่สามารถผลิตและส่งออก LNG ได้กว่า 40 ล้านตันต่อปี และส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียได้อย่างสะดวกผ่านทางมหาสมุทรแปซิฟิกในราคาที่แข่งขันได้ เนื่องจากเป็นแหล่งก๊าซที่มีขนาดใหญ่ ต้นทุนเนื้อก๊าซต่ำ และสหรัฐ มีการใช้เครื่องจักรในการผลิตและการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะสามารถขนส่ง LNG มายังไทยได้ภายใน 10-15 วัน ในขณะที่ขนส่งจากแหล่งในตะวันออกกลางใช้ระยะเวลาถึง 25-30 วัน
นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้เข้าพบกับผู้บริหารท้องถิ่นของเมือง Keanu ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติของอะและสกาที่ดำเนินการอยู่แล้ว พบว่าประชาชนในท้องถิ่นของรัฐอะแลสกาให้ความสำคัญและให้การยอมรับโครงการฯ โดยมองว่าเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน และยินดีที่จะร่วมมือกับนานาประเทศในการพัฒนาขยายการพัฒนาโครงการ Alaska LNG ในอนาคต
สำหรับแนวทางการผลักดันความร่วมมือดังกล่าว กระทรวงพลังงานจะมีการพิจารณาปริมาณของการนำเข้าก๊าซจากแหล่ง Alaska LNG ที่มีความเหมาะสม ซึ่งอาจอยู่ที่ประมาณ 3-5 ล้านตันต่อปี โดยขึ้นอยู่กับราคาและเงื่อนไขต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเจรจา ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้บริษัท ปตท. ,การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ที่ได้รับใบอนุญาตการเป็นผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ ( LNG Shipper) ของไทย ให้มีการเจรจาในรายละเอียดของโครงการและพิจารณาความเหมาะสมในเชิงธุรกิจสำหรับการผลักดันความร่วมมือในโครงการ Alaska LNG ร่วมกับฝ่ายสหรัฐต่อไป







