ราคาน้ำมันดิบพุ่ง ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีนให้ความหวังศก.ฟื้น

ราคาน้ำมันดิบพุ่ง ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีนให้ความหวังศก.ฟื้น

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น ผู้ค้ามีความหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวจากข้อตกลงการค้าชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯ และจีน ความกังวลเศรษฐกิจโลกจะถดถอยคลี่คลายลง

ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดน้ำมันโลกวันจันทร์  ( 12 พ.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพุ่งขึ้นมากกว่า 1% ในวันจันทร์ หลังจากสหรัฐฯ และจีนตกลงที่จะลดภาษีนำเข้า ซึ่งช่วยคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศผู้บริโภคปิโตรเลียมรายใหญ่ที่สุดของโลก

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ (WTI) เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.52% ปิดที่ 61.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 64.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาพุ่งขึ้นประมาณ 4% ในช่วงต้นวันของการซื้อขาย

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า วอชิงตันและปักกิ่งตกลงกันที่สวิตเซอร์แลนด์ว่าจะ ลดอัตราภาษีนำเข้าที่สูงลิ่วลง 115% โดยอัตราภาษีนำเข้าที่ลดลงนี้จะคงอยู่ต่อไปอีก 90 วัน ในขณะที่สองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกยังคงเจรจากันต่อไป เบสเซนต์กล่าว

“ผมคาดว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เราจะได้พบกันอีกครั้งเพื่อเริ่มดำเนินการตามข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น” เบสเซนต์กล่าวในรายการ “Squawk Box” ของทีวีซีเอ็นบีซี

ตามข้อตกลงใหม่ ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของสหรัฐฯ อยู่ที่ 30% ในขณะที่ภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ของปักกิ่งอยู่ที่ 10% อัตราภาษีก่อนหน้านี้มีผลเท่ากับการคว่ำบาตรทางการค้า เบสเซนต์กล่าวก่อนหน้านี้

ราคาน้ำมันดิบยังต่ำนับแต่ต้นปี

เมื่อต้นเดือนนี้ ราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากการตั้งกำแพงภาษีศุลกากรทั่วโลกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยที่จะทำให้ความต้องการน้ำมันชะลอตัวลง ในขณะเดียวกัน โอเปกพลัส ก็ได้ตกลงที่จะเร่งเพิ่มอุปทานเข้าสู่ตลาดในเดือนนี้และเดือนหน้า

ราคาน้ำมันลดลงมากกว่า 12% ในปีนี้

ราคาที่ต่ำกดดันผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานน้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วต้องการราคาน้ำมันดิบที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเพื่อขุดเจาะบ่อน้ำมันใหม่ให้ได้กำไร เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้บริหารของบริษัท Diamondback Energy ได้แจ้งต่อนักลงทุนว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ น่าจะถึงจุดสูงสุดและเริ่มลดลง หากราคาน้ำมันดิบไม่ฟื้นตัว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แมทธิว เคส์ แวนท์ ฮอฟ  ประธานบริษัท Diamondback เปิดเผยระหว่างการประชุมผลประกอบการว่า บริษัทจำเป็นต้องให้ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐกลางๆ ถึงสูง และมีแนวโน้มจะไปถึง 70 เหรียญสหรัฐ ผู้ประกอบการที่ Diamondback พูดคุยด้วยต่างเห็นพ้องต้องกันว่า “ราคาน้ำมันนี้ไม่สมเหตุสมผล” เคส์ แวนท์ ฮอฟ กล่าว