ราคาน้ำมันดิบ พุ่งขึ้น ก่อนการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

ราคาน้ำมันดิบ พุ่งขึ้น ก่อนการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ ได้แรงหนุนจากความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลายลง และอังกฤษประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ

รอยเตอร์ รายงานภาวะ ตลาดน้ำมันโลก วันศุกร์ (9 พ.ค.)ว่า ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่เริ่มคลี่คลายลง และอังกฤษประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.7% สู่ระดับ 63.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (ราคาน้ำมันดิบ WTI) พุ่งขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 1.85% สู่ระดับ 61.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยในสัปดาห์นี้ ตลาดทั้งสองปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 4%

สหรัฐและจีน เจรจาการค้ากันวันนี้

จอห์น อีแวนส์ นักวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ PVM กล่าวว่า ความหวังว่า สงครามการค้า สหรัฐฯ-จีน จะคลี่คลายลงนั้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบรนท์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 3% ในวันพฤหัสบดี

สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะพบกับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนที่สวิตเซอร์แลนด์ในวันนี้ที่ 10 พฤษภาคม เพื่อหารือถึงการแก้ไขข้อพิพาททางการค้าที่กดดันความต้องการใช้น้ำมัน

“หากทั้งสองฝ่ายกำหนดวันที่จะเริ่มการเจรจาการค้าอย่างเป็นทางการและตกลงที่จะลดอัตราภาษีศุลกากรที่สูงมากระหว่างกันในขณะที่การเจรจายังดำเนินต่อไป ตลาดจะได้พักหายใจ และราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งขึ้นอีก 2-3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล” วันดานา ฮารี ผู้ก่อตั้ง Vanda Insights ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิเคราะห์ตลาดน้ำมันกล่าว

ข้อมูลศุลกากรเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าการส่งออกจีนเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดในเดือนเมษายน ในขณะที่ระดับการนำเข้าที่ลดลงมาตลอด ลดระดับลง ทำให้ปักกิ่งรู้สึกโล่งใจก่อนการเจรจาเรื่องภาษีศุลกากร

การนำเข้าน้ำมันดิบจีน ในเดือนเมษายนลดลงจากเดือนก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการที่โรงกลั่นน้ำมันของรัฐกักตุนไว้ระหว่างที่หยุดซ่อมบำรุง

  • โอเปกพลัสเดินหน้าเพิ่มการผลิตน้ำมัน

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์  และ นายกฯอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ ประกาศว่าอังกฤษตกลงที่จะลดอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

ด้าน องค์กรร่วมของประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) และพันธมิตร ซึ่งเรียกรวมกันว่าโอเปกพลัส (OPEC+) วางแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิต ซึ่งยังเป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน ผลสำรวจของรอยเตอร์พบว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกลดลงในเดือนเมษายน เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันในลิเบีย เวเนซุเอลา และอิรักลดลงมากกว่าปริมาณการผลิตน้ำมันที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน การคว่ำบาตรอิหร่าน ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นของสหรัฐฯ อาจจำกัดอุปทานและผลักดันให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรโรงกลั่นขนาดเล็กแห่งที่ 3 ของจีนในข้อหาซื้อน้ำมันจากอิหร่าน