ความเข้มแข็งทางการคลัง บทพิสูจน์รับมือวิกฤติสงครามการค้า

ในรอบ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจใหญ่ 3 ครั้ง คือ วิกฤติต้มยำกุ้ง (2540) วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ (2551) และวิกฤติโควิด-19 (2563) ทุกครั้งกระทรวงการคลังต้องทำหน้าที่ "พระเอก" พยุงเศรษฐกิจผ่านมาตรการการคลังและการกู้เงิน
พื้นที่การคลัง คือส่วนต่างระหว่างระดับหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่เป็นอยู่จริงกับเพดานหนี้สาธารณะที่กำหนด กระทรวงการคลัง ใช้เป็นตัวชี้วัดความยั่งยืนทาง การคลัง หากมีพื้นที่มาก ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจก็น้อยลง ประเทศที่มีหนี้สาธารณะใกล้เพดานจะมีข้อจำกัดในการรองรับวิกฤติ
ก่อนวิกฤติโควิด-19 ไทยมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ 44% ทำให้มีพื้นที่การคลังรองรับวิกฤติอีก 16% ต่อมามีการขยายเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% เป็น 70% ต่อ GDP ในปัจจุบันหากมีการกู้เงินเพิ่มอีก 500,000 ล้านบาท พื้นที่การคลังอาจเหลือเพียง 6% ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อวิกฤติในอนาคต
นอกจากหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลยังมีภาระดอกเบี้ยสูงกว่า 200,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นต้นทุนโอกาสที่งบประมาณส่วนนี้อาจนำไปใช้ลงทุนด้านอื่นได้ ในปีงบประมาณ 2565 มีภาระดอกเบี้ย 219,272 ล้านบาท ปี 2564 อยู่ที่ 226,153 ล้านบาท และปี 2563 อยู่ที่ 211,438 ล้านบาท
พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า นโยบายการคลังเป็น "พระเอก" ในช่วงวิกฤติโควิด-19 โดยหัวใจสำคัญคือการเข้าใจเป้าหมายนโยบาย มุ่งแก้ปัญหาที่ชัดเจน และกำหนดผู้รับผิดชอบ ดังนั้น การออกแบบมาตรการต้องวิเคราะห์โครงสร้าง เศรษฐกิจไทย โดยเน้นกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วน 50% ของ GDP และดูแลภาคบริการที่มีสัดส่วนราว 60% ของ GDP โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นข้อต่อสำคัญ
สำหรับมาตรการที่ออกมา เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราไม่ทิ้งกัน คนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน ถูกออกแบบให้เหมาะกับความต้องการที่หลากหลาย โดยเน้นความแม่นยำและให้ความช่วยเหลือกลุ่มที่เดือดร้อนจริงๆ ก่อน
วิกฤติและผลกระทบต่อหนี้สาธารณะ
1. วิกฤติต้มยำกุ้ง (2540)
- รัฐบาลออก พ.ร.ก. กู้เงิน 2 ฉบับ วงเงินรวม 800,000 ล้านบาท
- หนี้สาธารณะเพิ่มจาก 15% เป็น 57% ของ GDP
2. วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ (2551)
- ออก พ.ร.ก. กู้เงินเพื่อโครงการไทยเข้มแข็ง วงเงิน 400,000 ล้านบาท
- หนี้สาธารณะเพิ่มจาก 37% เป็น 43-44% ของ GDP
3. วิกฤติโควิด-19 (2563)
- ออก พ.ร.ก. กู้เงิน 2 ฉบับ วงเงินรวม 1.5 ล้านล้านบาท
- หนี้สาธารณะเพิ่มจาก 41% เป็น 61% ของ GDP
- มีการขยายเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% เป็น 70% ต่อ GDP
ความท้าทายปัจจุบัน: สงครามการค้า
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ประกาศขึ้นภาษี 36% สำหรับสินค้าจากไทย ซึ่งจะกระทบภาคส่งออก กระทรวงการคลัง ต้องเตรียมมาตรการรองรับและดูแลสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ส่งออกที่จะได้รับผลกระทบ บทเรียนสำคัญที่ได้เรียนรู้คือ การเตรียมพร้อมล่วงหน้าและมีวินัยการคลัง เพราะแม้ไทยจะผ่านวิกฤติมาได้ทุกครั้ง แต่การเยียวยามีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเสมอ
หนึ่งในข้อเสนอนั้นรวมถึงการที่ประเทศไทยต้องรักษา Fiscal Space ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงการคลังที่ต้องมีเพื่อรักษาเนื้อรักษาตัวให้ได้ และพยายามอย่าใช้จ่ายหรือกู้เงินในส่วนไม่จำเป็น เพราะอีกไม่นานอาจต้องมีโครงการที่เป็นการใช้เงินขนาดใหญ่รออยู่ ดังนั้นกระทรวงการคลังต้องดูแลตรงนี้ให้มาก
สำหรับความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้นจาก วิกฤติสงครามการค้า ที่ลุกลามมากขึ้น หลังจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) หลายประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐ โดยประเทศไทยถูกประกาศขึ้นภาษี 36% ซึ่งกระทบเครื่องยนต์เศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคส่งออก และทำให้ กระทรวงการคลัง เตรียมมาตรการรับมือผลกระทบที่อาจเกิดกับเศรษฐกิจ
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ กระทรวงการคลัง ได้เตรียมความพร้อมมาตรการที่จะดูแลสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีที่จะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568
ในขณะที่การเพิ่มสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จากกรอบเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 70% ต่อ GDP กระทรวงการคลังจะพิจารณาความเหมาะสม โดยติดตามสถานการณ์และผลกระทบจากสงครามการค้าที่มีผลต่อ เศรษฐกิจไทย
ในช่วงที่ผ่านมามีหลายฝ่ายออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการรักษาพื้นที่ทางการคลัง ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNTCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “New World Order รับมือระเบียบโลกใหม่” ภายในงาน MOF Journey 150 ปี เส้นทางการคลังไทย ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2568
ทั้งนี้ มีข้อเสนอถึงการรับมือโลกมีความไม่แน่นอนมีสูงมากในปัจจุบัน โดยขณะนี้โลกกำลังมี “New world order” ใหม่ที่เกิดขึ้นจากนโยบายของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเห็นว่าประเทศไทยควรเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่โลกเผชิญความไม่แน่นอนสูง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้จึงเป็นเรื่องท้าทายทาง การคลัง ของประเทศไทยในการรับมือ สงครามการค้า ที่กำลังได้รับผลกระทบไปทั่วโลก







