คืบหน้า ‘OECD’ ระยะที่ 2 ในไทย ‘สภาพัฒน์’ เผยแล้วเสร็จ 8 โครงการ

คืบหน้า ‘OECD’ ระยะที่ 2 ในไทย   ‘สภาพัฒน์’ เผยแล้วเสร็จ 8 โครงการ

เลขาธิการ OECD เยือนไทยรอบ 2 ใน 7 เดือน – ไทยเดินหน้า Country Programme ระยะที่ 2 ยกระดับมาตรฐานประเทศสู่ระดับสากล เปิด 8 โครงการสำเร็จแล้วใน 4 สาขาหลัก ตั้งเป้าตามโรดแมป

เมื่อวันที่ 1 – 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ให้การต้อนรับนายมาทีอัส คอร์มันน์ เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) ซึ่งเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อหารือกับผู้แทนระดับสูงของไทยในการร่วมขับเคลื่อนกระบวนการการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย และร่วมเปิดการประชุม OECD Southeast Asia Regional Forum

ทั้งนี้การเยือนไทยของเลขาธิการ OECD ครั้งนี้เป็นการเยือนครั้งที่ 2 ภายในช่วงเวลาเพียง 7 เดือน แสดงถึงความร่วมมือระหว่าง OECD กับไทยที่มีพลวัตสูง และสะท้อนถึงความร่วมมือที่จะผลักดันผลประโยชน์ของภูมิภาคใน OECD  โดยประเทศไทยได้รับเชิญให้เข้าสู่กระบวนการหารือเพื่อเข้าเป็นสมาชิก OECD (Accession Discussions) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567

ปัจจุบัน ไทยอยู่ในขั้นตอนการจัดทำ Initial Memorandum (IM) ซึ่งเป็นช่วงที่หน่วยงานต่าง ๆ ของประเทศไทยได้หารือกับคณะกรรมการต่าง ๆ ของ OECD ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ได้เข้าสู่โครงการ OECD Thailand Country Programme ระยะที่ 2 (CP ระยะที่ 2) เพื่อร่วมกันกำหนดประเด็นที่เห็นว่าต้องปรับปรุงมาตรฐานและกฎหมาย อันจะนำไปสู่การดำเนินการตามแผนการเข้าเป็นสมาชิก OECD  ตามโรดแมปต่อไป

คืบหน้า ‘OECD’ ระยะที่ 2 ในไทย   ‘สภาพัฒน์’ เผยแล้วเสร็จ 8 โครงการ

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่าโครงการ CP ระยที่2 มีส่วนที่เป็นประโยชน์มากในการพัฒนาประเทศ โดยภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน สามารถนำรายงานการประเมินและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ OECD จัดทำให้กับไทย เช่น การต่อต้านการติดสินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ การกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจที่ดี และแผนการลงทุนในพลังงานสะอาด ไปปรับใช้เพื่อพัฒนาการดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรฐาน OECD ได้

คืบหน้า ‘OECD’ ระยะที่ 2 ในไทย   ‘สภาพัฒน์’ เผยแล้วเสร็จ 8 โครงการ

นอกจากนี้ โครงการ CP ระยะที่ 2 ยังช่วยสนับสนุนให้ไทยเข้าเป็นภาคีตราสารทางกฎหมายของ OECD ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย

 Mr. Andreas Schaal Director for OECD Global Relations and Co-operation, and the OECD Sherpa to the G7, the G20 and APEC กล่าวว่า โครงการ CP ที่ไทยได้ดำเนินการมาถึง 2 ระยะ ถือเป็นผลลัพธ์เชิงประจักษ์ที่ทำให้ไทยสามารถเข้าสู่กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ได้ในปี 2567 โดยโครงการ CP ช่วยสนับสนุนการปฏิรูปโครงสร้างของไทยในหลากหลายสาขา เป็นแนวทางให้ไทยนำไปใช้ในการปรับแก้กฎหมาย นโยบาย และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรฐานสากลมากขึ้น อันจะช่วยพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้โครงการ OECD-Thailand Country Programme ระยะที่ 2 มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2566 - 2569) ประกอบด้วยโครงการย่อย 20 โครงการ ภายใต้ 4 สาขาความร่วมมือ ได้แก่ หลักธรรมาภิบาล สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน ความครอบคลุมทางสังคมและการพัฒนาทุนมนุษย์ และการฟื้นฟูสีเขียว

มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ไทยสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีของ OECD สนับสนุนการขับเคลื่อนวาระการปฏิรูปประเทศของไทยในเชิงนโยบายหลากหลายสาขา และส่งเสริมการเข้าผูกพันตราสารทางกฎหมายต่าง ๆ ของ OECD ซึ่งจะช่วยพัฒนามาตรฐานภายในประเทศของไทยให้ทัดเทียมสากล และทำให้ไทยเข้าใกล้การเป็นสมาชิก OECD มากขึ้น โดย สศช. และ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เป็นหน่วยงานหลักในการ กำกับ ควบคุม ติดตาม และประสานงานการดำเนินโครงการในภาพรวม โดยปัจจุบันมีโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วจำนวน 8 โครงการ ดังนี้

สาขาที่ 1 หลักธรรมาภิบาล เสร็จสิ้นแล้ว 1 โครงการ คือโครงการ Reinforcing Anti-corruption Framework สำนักงาน ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ มีผลลัพธ์คือรายงาน OECD Review of Thailand’s Legal and Policy Framework for Fighting Foreign Bribery เสนอแนวทางการเสริมสร้างกรอบกฎหมายและนโยบายในการต่อต้านการติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ เพื่อยกระดับความโปร่งใสภาครัฐของไทย เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567

สาขาที่ 2 สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน เสร็จสิ้นแล้ว 4 โครงการ ได้แก่

(1) โครงการ Strengthening Regulatory Reform and the Implementation of Good Regulatory Practice  สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ มีผลลัพธ์คือรายงาน Regulatory Reform in Thailand: Reinforcing an Effective Regulatory Environment เน้นการวิเคราะห์โครงสร้างและแนวทางการพัฒนาการจัดทำ การประเมิน และการบังคับใช้กฎระเบียบข้อบังคับของไทย เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568

 (2) โครงการ Maintaining a Sound Economic Policy through the Second Economic Survey สศช. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ มีผลลัพธ์คือรายงาน OECD Economic Surveys: Thailand 2023  มุ่งเน้นนโยบายการยกระดับผลิตภาพการผลิต และการพัฒนาสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ เผยแพร่เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566

(3) โครงการ Deepening Collaboration to Promote Responsible Business Conduct (RBC) กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงยุติธรรม เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ มีผลลัพธ์คือระบบการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning) เรื่อง The Essentials of OECD Due Diligence for Responsible Business

และ (4) โครงการ Supporting Reforms in the State-Owned Enterprises (SOEs) Sector สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ มีผลลัพธ์คือรายงานOECD Review of the Corporate Governance of State-Owned Enterprises in Thailandเสนอแนวทางการพัฒนาให้รัฐวิสาหกิจมีความโปร่งใส ยั่งยืน และมีธรรมาภิบาลสูงขึ้น เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568

สาขาที่ 3 ความครอบคลุมทางสังคมและการพัฒนาทุนมนุษย์ เสร็จสิ้นแล้ว 2 โครงการ ได้แก่

(1) โครงการ Improving the Quality of Education Statistics สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาและสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ มีผลลัพธ์คือการจัดประชุมปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการเก็บรวบรวมและนำสถิติทางการศึกษาของไทยมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาแนวทางการจัดศึกษาของไทย เช่น ผลการทดสอบ PISA

 (2) โครงการ Developing Modern Teachers สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ มีผลลัพธ์คือการจัดกิจกรรมอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการ ครอบคลุมการออกแบบบทเรียน การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล การสร้างสื่อการสอน และการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพครู เพื่อเตรียมความพร้อมครูไทยให้สามารถจัดการเรียนรู้ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สาขาที่ 4 การฟื้นฟูสีเขียว เสร็จสิ้นแล้ว 1 โครงการ คือโครงการ Enabling Clean Energy Financing and Investment Mobilisation กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ มีผลลัพธ์คือ Clean Energy Finance and Investment Roadmap of Thailand

โดย OECD แนะนำให้ไทยเปิดเสรีการลงทุนด้านพลังงานสะอาด โดยเฉพาะด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังหมุนเวียนขนาดเล็กและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร