เมื่อ SMEs ไทย เผชิญมรสุมการค้าและเงื่อนไขสินเชื่อ

เศรษฐกิจโลกผันผวนส่งผลกระทบ “SMEs ไทย” กว่า 3 ล้านรายที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 100% ของผู้ประกอบการทั้งหมด และสร้างงานให้กับผู้คนกว่า 10 ล้านชีวิต สร้างมูลค่า GDP ราว 5-6 ล้านล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 35% ของเศรษฐกิจโดยรวม เป็นทั้งผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม จุดประกายไอเดียใหม่ๆ สร้างความหลากหลายให้กับสินค้าและบริการ และเป็นแหล่งบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้เติบโต วันนี้พวกเขากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญจากพิษสงครามการค้า และอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่น่ากังวลก็คือหาก SMEs อ่อนแอลง ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สถานการณ์ที่ยากลำบากคือ อุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ SMEs จำนวนมากกำลังเผชิญ แม้รัฐบาลจะพยายามยื่นมือเข้าช่วยเหลือผ่านสารพัดมาตรการสนับสนุน ทั้งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการเปิดช่องทางระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ แต่ SMEs จำนวนไม่น้อยกลับยังคงติดกับดักของสภาพคล่องที่ตึงตัว สถิติบ่งชี้ว่า ปัญหาสำคัญประการหนึ่งคือ การขาดการจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ และความไม่สามารถในการจัดทำ “แผนธุรกิจ” ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นเสมือนเข็มทิศนำทางธุรกิจ และเป็นเอกสารสำคัญที่สถาบันการเงินใช้ประเมินความเสี่ยงในการปล่อยกู้ เมื่อไม่มีแผนธุรกิจที่น่าเชื่อถือ ธนาคารจึงลังเลที่จะเปิดประตูแห่งโอกาสทางการเงิน
การที่ SMEs จะสามารถปลดล็อกประตูสินเชื่อได้นั้น จำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินด้วยแผนธุรกิจที่แข็งแกร่งและจับต้องได้ แผนดังกล่าวต้องฉายภาพให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เงินกู้จะถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด มีกลยุทธ์ในการสร้างรายได้และเติบโตอย่างไร และที่สำคัญที่สุดคือ มีแนวทางที่ชัดเจนในการชำระคืนเงินกู้ในอนาคต แผนธุรกิจที่สมบูรณ์ควรประกอบด้วยการวิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียด การประเมินคู่แข่งอย่างรอบด้าน
การวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่ชาญฉลาด เพื่อชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขาย การปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ การทำการตลาดดิจิทัลผ่าน Social Media อย่าง Facebook, Instagram หรือ TikTok เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการสินค้าคงคลัง ระบบการชำระเงินออนไลน์ หรือ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สถาบันการเงินให้ความสนใจ
แม้ว่า SMEs ไทยจะเผชิญกับความท้าทายอันหนักหน่วงในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่เชื่อว่าด้วยศักยภาพและความสามารถในการปรับตัว หากผู้ประกอบการสามารถมองเห็นความสำคัญของการวางแผนธุรกิจที่ชัดเจน การบริหารจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงาน เชื่อมั่นว่านี่จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้สถาบันการเงินคลายความกังวลและพร้อมที่จะหยิบยื่นโอกาสทางการเงินให้ SMEs ได้ก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปได้อย่างแข็งแกร่ง และกลับมาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป







