แผนฟื้นเส้นทางรถไฟไทยเชื่อมระบบรางECRL ฝั่งตะวันออกมาเลเซีย

มาเลเซียกำลังลงทุนร่วมกับจีนในการก่อสร้างโครงข่าวรถไฟทางชายฝั่งตะวันออกในชื่อโครงการ การพัฒนาระบบรางชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย (Eastern Corridor Rail Link: ECRL)
เป็นโครงการของ การรถไฟแห่งมาเลซีย หรือ Malaysia Rail Link SDN BHD : MRL เป็นความร่วมมือทางการเงิน ระหว่าง China Exim สัดส่วน 75% และSukuk by Local FI สัดส่วน 25% ระยะทางรวม 665 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด (รถโดยสาร) 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นทางตัั้งแต่ Kotanharu -Mentakab-Port Klang
เมื่อเร็วๆนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้การต้อนรับ H.E. Loke Siew Fook รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาเลเซียและคณะ ในโอกาสเยือนไทย ซึ่งการเยือนของฝ่ายมาเลเซียในครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เมื่อเดือนธ.ค. 2567 สะท้อนเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ของทั้งสองฝ่ายในการกระชับความสัมพันธ์และผลักดันความร่วมมือทวิภาคี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวและการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน ตลอดจนสนับสนุนการบูรณาการร่วมกันในระดับภูมิภาค
นายสุริยะ กล่าวว่าด้านการขนส่งทางราง ได้หารือการฟื้นฟูการเดินรถไฟเส้นทางสุไหงโก-ลก - รันเตาปันยัง โดยที่ประชุมมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยและการรถไฟมาเลเซีย (Keretapi Tanah Melayu: KTMB) ใช้กลไก KTMB - SRT Joint Conference เพื่อร่วมกันพิจารณากระบวนการและกำหนดแผนการกลับมาเปิดให้บริการที่ชัดเจน เพื่อฟื้นฟูโครงข่ายการคมนาคมข้ามพรมแดนในอดีตและสอดคล้องกับการพัฒนาระบบรางชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย (Eastern Corridor Rail Link: ECRL) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ของปี 2569
นอกจากนี้ ได้หารือในประเด็นการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการผลักดันการทำพิธีการศุลกากรเพียงครั้งเดียว ณ จุดขาเข้า (Single Window Inspection: SSI) ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการตรวจสินค้าอย่างมีนัยสำคัญ
“ความสำคัญของการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมด้านพิธีการศุลกากรของฝ่ายมาเลเซีย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต”
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความยินดีต่อการกลับมาให้บริการเดินรถไฟในเส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - ปาดังเบซาร์ - บัตเตอร์เวิร์ธ รัฐปีนัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมคาดว่าจะเปิดให้บริการเที่ยวแรก ภายในเดือนก.ค. 2568 ถือเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างประเทศ และอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศอีกด้วย
ในส่วนของฝ่ายมาเลเซีย ได้รายงานความคืบหน้าโครงการ Perlis Inland Port (PIP) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากด่านปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ประมาณ 5 กิโลเมตร ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการระยะที่ 1 ภายในปี 2568 เพื่อบรรเทาความแออัดของการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์จาก Padang Besar Container Terminal (PBCT) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“การหารือร่วมกันในครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญในการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และกำหนดแนวทางความร่วมมือในอนาคต เชื่อมั่นว่าการหารือจะนำไปสู่ความก้าวหน้าในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างไทย - มาเลเซีย และในระดับภูมิภาคได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศ”
ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อศึกษาดูงานด้านระบบรางเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางระบบรางที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยบริเวณชั้น 3 ได้รับการออกแบบให้รองรับรถไฟความเร็วสูง และโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการเชื่อมโยงการเดินทางและระบบโลจิสติกส์ภูมิภาคเข้าด้วยกัน
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางจากกรุงเทพมหานครสู่เวียงจันทน์ และนครคุนหมิง ผ่านโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงของ สปป.ลาว และจีนอย่างไร้รอยต่อ
ปัจจุบัน ประเทศไทยอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 2 โครงการหลัก ได้แก่ 1.โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) ระยะทาง 251 กิโลเมตร ปัจจุบันมีความคืบหน้ารวมประมาณ 42.91% โดยเฉพาะสัญญาที่ 4-1 ช่วงบางซื่อ–ดอนเมือง อยู่ระหว่างการเสนอแนวทางแก้ไขโครงการต่อคณะกรรมการ EEC เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี คาดว่าจะสามารถเริ่มออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างร่วมได้ภายในปี 2568 และ 2. ช่วงดอนเมือง – สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา เป็นเส้นทางที่รวมโครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออก (กรุงเทพฯ - ระยอง) และรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานเข้าด้วยกัน เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินของไทย
สำหรับความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซีย ด้านการพัฒนาระบบราง โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระบบขนส่งสินค้าผ่านแดน ขบวนรถสินค้าคอนเทรนเนอร์ เส้นทางชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์ - ชุมทางหาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ 40 ขบวน/เดือน และขบวนรถโดยสารระหว่างประเทศด้วยขบวนรถไฟ “มายสวัสดี” เส้นทาง KL Sentral – สถานีชุมทางหาดใหญ่ - KL Sentral ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่เมืองสำคัญของมาเลเซีย อาทิ ปาดังเบซาร์ และบัตเตอร์เวิร์ธ เพื่อเดินทางข้ามพรมแดนได้สะดวกและปลอดภัย ตอบโจทย์การขนส่งคนและสินค้าในระดับภูมิภาค และยังสอดคล้องกับเป้าหมายของทั้งสองประเทศในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ
สำหรับความร่วมมือไทย-มาเลเซียด้านการขนส่งทางถนน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงการเร่งรัดการพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย - มาเลเซีย 2 ฉบับ ได้แก่ 1.ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (Memorandum of Understanding on Cross Border Transport of Goods between Thailand and Malaysia: CBTG)
2.ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (Memorandum of Understanding on Cross Border Transport of Passengers between Thailand and Malaysia: CBTP) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาการขนส่งสินค้า และอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอดจนเพื่อให้เกิดสิทธิในการขนส่งทางถนนที่เท่าเทียมกัน
โดยตั้งเป้าหมายให้การเจรจาได้ข้อยุติและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจทั้ง 2 ฉบับ ภายในเดือนก.ค. 2568 พร้อมกันนี้ยังสนับสนุนแนวทางการเชื่อมโยงข้อมูลระบบใบอนุญาตขับรถแบบดิจิทัลกับใบขับขี่ระหว่างประเทศ ผ่านกลไกอาเซียนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม







