EXIM BANK เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 68 กำไรพุ่ง 223% ฝ่าความท้าทายการค้าโลก

EXIM BANK เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 68 เติบโตต่อเนื่องท่ามกลางความท้าทายจากสถานการณ์การค้าโลกที่ผันผวน หนุนผู้ประกอบการไทยขยายธุรกิจในตลาดโลก ทำกำไรสุทธิในไตรมาสแรกปีนี้ที่ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 223.20%
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสแรก สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของธนาคารในการเป็นกลไกขับเคลื่อนและสนับสนุนภาคการส่งออกและการลงทุนของไทย โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2568 EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่จำนวน 10,961 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันอยู่ที่ 189,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในจำนวนนี้ สินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อการลงทุน 137,636 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 72.47% โดยเป็นการลงทุนในโครงการระหว่างประเทศ 44,503 ล้านบาท ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ EXIM BANK ในการส่งเสริมการขยายฐานธุรกิจและการลงทุนของเอกชนไทยในต่างแดน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และตลาดใหม่ (New Frontiers) ที่มีศักยภาพ ซึ่งมีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันรวม 39,654 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อช่วยผู้ประกอบการรับมือกับผลกระทบจากความท้าทายทางการค้าโลก อาทิ มาตรการภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ (Reciprocal Tariffs) EXIM BANK ได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่หลากหลาย ทั้งการจัดตั้งคลินิกผู้ประกอบการ (Export Clinic) เพื่อให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการธุรกิจและข้อมูลเชิงลึก รวมถึงสนับสนุนการขยายตลาดสู่ New Frontiers
นอกจากบทบาทด้านการเงินแล้ว EXIM BANK ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานภายใต้หลักการ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี) โดยมีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อความยั่งยืนสูงถึง 77,387 ล้านบาท คิดเป็น 40.75% ของสินเชื่อรวม ผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย อาทิ Sustainability Linked Loan, สินเชื่อ EXIM Green Goal และสินเชื่อ EXIM Green Start สำหรับ SMEs
ด้านการช่วยเหลือสังคม EXIM BANK ได้ออกมาตรการเฉพาะกลุ่มเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการในภาวะวิกฤตและช่วงฟื้นตัว อาทิ มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เชิงป้องกัน (Pre-emptive) สำหรับลูกหนี้ SMEs และโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" สำหรับลูกหนี้ SMEs กลุ่มเปราะบางที่มีหนี้ไม่เกิน 5 ล้านบาท เพื่อช่วยให้สามารถปิดหนี้และดำเนินธุรกิจต่อไปได้
บริการประกันการส่งออกและการลงทุน ซึ่งเป็นบริการเดียวที่ EXIM BANK ให้บริการโดยตรง ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 มีปริมาณธุรกิจสะสมบริการประกันอยู่ที่ 53,271 ล้านบาท
จากการขยายบทบาททั้งด้านสินเชื่อและประกัน ทำให้ EXIM BANK มีจำนวนลูกค้ารวม 5,201 ราย โดย 78.97% เป็นลูกค้า SMEs นอกจากนี้ ยังได้เสริมสร้างความรู้และศักยภาพให้ผู้ประกอบการไปแล้วกว่า 22,493 ราย ผ่านกิจกรรมอบรม จับคู่ธุรกิจ และให้คำปรึกษาทางการเงิน
ด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง EXIM BANK ยังคงรักษาความแข็งแกร่ง โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 6,822 ล้านบาท คิดเป็น NPL Ratio ที่ 3.83% และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) สูงถึง 17,545 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อฯ ต่อ NPL (Coverage Ratio) อยู่ในระดับสูงที่ 257.18% ซึ่งช่วยเสริมเกราะป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นายบัณฑิต กล่าวย้ำว่า EXIM BANK พร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการไทย เพื่อสนับสนุนให้สามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลกได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ๆ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต







