“นายกฯ”นั่งหัวโต๊ะประชุมหัวหน้าส่วนราชการ จี้ แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

“นายก”ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ สั่งเร่งดูแลสินค้าเกษตร-ผลไม้ หลังผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ พร้อมให้วางแนวทางรับมือภาษีทรัมป์ ใช้เอฟทีเอให้เกิดประโยชน์การค้า ด้าน “ปลัดพาณิชย์”กำชับพาณิชย์จังหวัดเร่งกระจายสินค้าเกษตร พร้อมใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนการค้า
ที่กระทรวงพาณิชย์ มีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2568 ซึ่งมีนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยนางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าเกษตรมีราคาต่ำกว่าทุกปี จึงขอให้เร่งเรื่องนี้ให้มากและได้ทราบรายงานมาว่าผลไม้ไทยปีนี้จะล้นตลาด จึงขอให้ส่วนราชการทุกกระทรวงสนับสนุนการซื้อสินค้าเกษตรเพื่อไม่ให้ล้นตลาด ซึ่งต้องกระจายความร่วมมือไปทั้งภาครัฐและเอกชน อย่างผลไม้บางอย่างอยู่ได้ไม่นาน ถ้าในประเทศบริโภคสินค้าผลไม้ของไทยก่อน จะช่วยเกษตรกรได้เยอะ ขอให้ทุกกระทรวงร่วมมือกันในเรื่องนี้ด้วย
ส่วนเรื่องของโครงการ Thai SELECT จะสนับสนุนเพิ่มเติมได้อย่างไรบ้าง ในอาหารไทยที่อยู่ในต่างประเทศ จะมีมาตรการการรับรองและส่งออกไปประเทศต่างๆได้อย่างไรบ้าง หากสามารถคุยกับต่างประเทศด้วยก็ได้ เพื่อรู้ช่องทาง Connect กับร้านอาหารไทย เพื่อช่วยเรื่องต้นทุน จะสามารถช่วยเหลือหรือซัพพอร์ตธุรกิจภายในต่างประเทศอย่างไรได้บ้าง ขอให้เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่จะช่วยกัน
“ขอให้กระทรวงพาณิชย์หาช่องทางพยุงราคาสินค้าให้ดี และมีเสถียรภาพ รวมถึงพ่อค้าคนกลางก็ไม่อยากให้มี เพราะหากต้องผ่านเยอะก็จะเป็นเรื่องของต้นทุน ถูกกดราคา และขอความร่วมมือภาคเอกชน และขอให้คุยกับบีโอไอว่าจะให้เอกชนร่วมมืออย่างไรได้บ้าง และขอให้คุยกับบีโอไอว่าจะให้เอกชนร่วมมืออย่างไร ตนพร้อมที่จะสนับสนุนในเรื่องราคาสินค้าและหลังจากนั้นอาจจะมาคุยกันวงเล็กอีกครั้งหนึ่งซึ่งเรื่องราคาสินค้าต้องฝากปลัดกระทรวงพาณิชย์ด้วย ขอให้เร็วนิดนึง เดี๋ยวจะไม่ทันการ ”นางสาวแพทองธาร กล่าว
นางสาวแพรทองธาร กล่าวว่า อีกเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบหลัก คือการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนและการรับมือผลกระทบของมาตรการการค้าของสหรัฐ ขณะนี้กำลังทำอยู่แต่ก็พยายามใช้ FTA กับประเทศอื่นๆให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในเรื่องราคาสินค้าต่างๆก็ต้องดูประกอบกันไปด้วย ทั้ง FTA และสหรัฐ เพื่อให้เกิดการค้าที่สมดุลมากที่สุด
จากนั้นที่ประชุมได้เริ่มประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทยในช่วงปี 2567-2568 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนมี.ค. 2568 ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 29,548 ล้านดอลลาร์ถือเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 17.8% และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนากลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะการนำระบบดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อาทิ การใช้ระบบสารบัญอิเล็กทรอนิกส์ในการรับ-ส่งเอกสารภายในและภายนอกหน่วยงาน ซึ่งส่งผลให้สามารถลดการใช้กระดาษได้กว่า 5,000 รีมต่อปี และลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการทำงานได้มากกว่า 26 ตันต่อปี ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนหน่วยงานสู่ระบบราชการสีเขียว (Green Government)
พร้อมทั้งแนวทางพัฒนากลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะการนำระบบดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยกระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชัน MOC Go ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยบูรณาการข้อมูลจากหลายหน่วยงาน เพื่อให้สามารถติดตามสถานะของผู้ประกอบการที่เข้ามาใช้บริการได้แบบเรียลไทม์
รวมทั้งยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อจับคู่ทางการค้าระหว่างผู้ประกอบการไทยกับตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ผ่านระบบ Generative AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ตอบคำถามเชิงกลยุทธ์ และช่วยในการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ติดตามการทำงานของเซลแมนจังหวัด หรือพาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ในต่างประเทศในทุกมิติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าให้กับสินค้าเกษตรของไทยได้เป็นอย่างดีทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดตัว “Super App” ซึ่งจะรวบรวมบริการของกระทรวงพาณิชย์ทั้งหมดไว้ในแอปพลิเคชันเดียว เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการติดต่อกับภาครัฐ ถือเป็นการยกระดับการให้บริการของภาครัฐไปอีกขั้น
“ประเทศไทยจะหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางได้ ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมกับผลักดันนโยบาย2ด้านหลักคือ ครีเอชั่น เน้นเรื่องสินค้าที่เกิดจากการสร้างสรรค์ เช่นส่งเสริมสินค้าGI เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าให้กับสินค้า ไทย และเน้นเรื่องอิโนเวชั่น พําผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน
สำหรับแนวทางทางแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยฉพาะการรับมือผลไม้ล้นตลาดนั้น ได้กำชับให้พาณิชย์จังหวัดเร่งระบายสินค้าเกษตรและประสานงานขอให้หน่วยงานภาครัฐสนับสนุนการซื้อสินค้าเกษตรพร้อมทั้งประสานงานภาคเอกชนและรัฐเพื่อทำงานในเชิงรุก







