'เทรดวอร์' รอบ 2 บททดสอบครั้งใหญ่ประเทศไทย

'เทรดวอร์' รอบ 2 บททดสอบครั้งใหญ่ประเทศไทย

ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหม่จากสงครามการค้ารอบที่ 2 ที่กำลังปะทุและรุนแรงขึ้นหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศใช้นโยบาย Reciprocal Tariff เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 68 แม้จะมีมาตรการผ่อนปรนออกไป 90 วัน นับจากวันที่ 9 เม.ย. 68

ขณะที่ประเทศไทยยังเผชิญความเสี่ยงต่อการถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 36% หากการเจรจากับสหรัฐยังไม่ได้ข้อสรุปภายในวันที่ 7 ก.ค. 2568 ซึ่งเป็นเส้นตายของการกำหนดระยะเวลาผ่อนปรนการบังคับใช้อัตราภาษีดังกล่าว

หลายฝ่ายประเมินว่า สงครามการค้า รอบที่ 2 แตกต่างจากสงครามการค้ารอบแรกที่เป็นผลมาจากทรัมป์ 1.0 ในระหว่างครองตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 1 ปี 2560-2564 เพราะครั้งนี้สหรัฐประกาศขึ้นภาษีกับหลายประเทศที่ได้เปรียบหรือได้ดุลการค้ากับสหรัฐ

ถึงแม้ว่าการประกาศเลื่อนออกไปดังกล่าวของสหรัฐ เพราะต้องการให้ประเทศที่สหรัฐประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นได้ยื่นข้อเสนอเพื่อเปิดการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐ เช่น กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) 

'เทรดวอร์' รอบ 2 บททดสอบครั้งใหญ่ประเทศไทย

ในขณะที่รัฐบาลไทยได้เตรียมทีมเจรจาการค้ากับสหรัฐ โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะเจรจาของไทยที่ได้เตรียมความพร้อมและวางกรอบยุทธศาสตร์การเจรจาอย่างรอบด้านทั้งมิติด้านการค้า การลงทุนและภาคการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้ายุทธศาสตร์ของไทย เช่น เกษตร พลังงาน และอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

นายพิชัย กล่าวว่า การประกาศมาตรการ ภาษีศุลกากรตอบโต้ ของสหรัฐ ทำให้โลกการค้าเสรีในปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลง ปัญหาที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นผลกระทบกับหลายประเทศ ซึ่งหลายประเทศกำลังวางแผนที่จะแก้ไขปัญหารวมถึงประเทศไทย

รวมทั้ง กระทรวงการคลัง ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีการเตรียมการทั้งเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ในประเทศไทยที่จะรวบรวมข้อมูลการส่งออกและการนำเข้า การประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจของไทย รวมถึงการประเมินผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการเพื่อวางแผนช่วยเหลือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ

"ทีมประเทศไทย" นอกจากนี้ยังมีทีมงานที่ประจำการในสหรัฐ โดยจะทำหน้าที่เป็นส่วนหน้าเพื่อประเมินสถานการณ์นโยบายสหรัฐแต่ละด้าน และทำหน้าที่ประสานกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของสหรัฐ 

'เทรดวอร์' รอบ 2 บททดสอบครั้งใหญ่ประเทศไทย

กระทรวงการคลัง มอบหมายให้ สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นตัวแทนของกระทรวงการคลังทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยปกติสำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ทำหน้าที่เป็นตัวแทนกระทรวงการคลังหลายส่วนในสหรัฐ เช่น การเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการประชุมของกลุ่มผู้ว่าการธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รวมถึงสถาบันการเงินระหว่างประเทศ

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยแพร่รายงานประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2568 โดยมอง เศรษฐกิจไทย เผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยผ่านทั้งทางตรงที่สินค้าส่งออกไทยเผชิญราค ที่สูงขึ้นในตลาดสหรัฐ กระทบความสามารถการแข่งขัน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) ที่อยู่ในซัพพลายเชนของการผลิตเพื่อการส่งออกไปตลาดสหรัฐ

ส่วนผลกระทบทางอ้อมเกิดจากเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวลง การลงทุนต่างประเทศในไทยอาจเพิ่มขึ้นบางส่วน แต่คาดว่าจะมีสินค้าไหลเข้าสู่ประเทศไทยแทนการส่งออกไปยังสหรัฐ รวมถึงความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุนจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว

'เทรดวอร์' รอบ 2 บททดสอบครั้งใหญ่ประเทศไทย

สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้กระทรวงการคลังเห็นว่าจำเป็นต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านภาษีของสหรัฐและการตอบโต้ของประเทศอื่น โดยเฉพาะการตอบโต้ของประเทศจีน รวมถึงทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ และการไหลเข้าของสินค้าจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษีที่ย้ายตลาดเข้าสู่ไทยมากขึ้น

ในขณะที่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่าง ๆ เป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดร่วมกับการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษี ความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย และปัญหาหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจของไทยที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยกระทรวงการคลังได้เตรียมตัวรับมือและบรรเทาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย

  1. การดำเนินการเจรจากับสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสวงหาแนวทางที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย 
  2. การเตรียมแหล่งเงินเพื่อจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการดำเนินนโยบายการคลังให้มีขนาดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับกลุ่มเปราะบาง อันเนื่องมาจากนโยบายการค้าของสหรัฐ 
  3. การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงที่เหลือของปี 2568 เพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจ 
  4. การผลักดันความช่วยเหลือผู้ส่งออกผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ EXIM Bank 
  5. การบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการดูแล กลุ่มเปราะบางและกิจการขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้

'เทรดวอร์' รอบ 2 บททดสอบครั้งใหญ่ประเทศไทย

นายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาลต้องจัดเตรียมความพร้อมทุกด้าน เพราทุกประเทศทั่วโลกมองไปข้างหน้าแล้วเห็นผลกระทบของการขึ้น ภาษีศุลกากรตอบโต้ ของสหรัฐ ซึ่งส่งผลต่อการส่งออก การลงทุนชะลอและผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โดยรัฐบาลดูว่าจะทำอย่างไรให้มีการจ้างงาน การดูแลแรงงาน การดูแลผู้ที่มีรายได้น้อย การกระตุ้นการลงทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง มีความพร้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในอดีตถึงปัจจุบัน รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจาก สงครามการค้า ในขณะนี้