เปิด 3 อู่รถเมล์ศักยภาพสูง ขสมก.ลุย PPP สร้างพื้นที่เชิงพาณิชย์

ขสมก.เดินหน้าศึกษาเปิดพีพีพีพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์อู่รถเมล์ นำร่อง 3 แห่งศักยภาพสูง บางเขน มีนบุรี และสวนสยาม คาดปีนี้เห็นเป็นรูปธรรม
นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในอู่จอดรถ ขสมก. โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ ขสมก.มีการศึกษาความเหมาะสมลงทุนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อทำให้อู่จอดรถเมล์ ขสมก.มีพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับผู้โดยสาร
แต่เนื่องจากผลการศึกษาอาจไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นการศึกษาโดยกรอบคณะทำงาน และประกอบกับปัจจุบัน ขสมก.มองรูปแบบความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการนี้ให้เป็นลักษณะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนรัฐ (PPP) ส่งผลให้ปัจจุบัน ขสมก.ได้เสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อขอรับจัดสรรงบนำมาศึกษารูปแบบการร่วมลงทุน ซึ่งหากได้รับจัดสรรงบก็คาดว่าจะสามารถเริ่มศึกษาและเห็นเป็นรูปธรรมในปีนี้
“ตอนนี้เรากำลังขอรับจัดสรรงบจากกองทุนส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (กองทุนพีพีพี) เพื่อดำเนินการศึกษารูปแบบร่วมลงทุนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในอู่รถเมล์ ขสมก. เนื่องจากแผนเก่าเป็นเพียงการศึกษาโดยกรอบของคณะทำงาน แต่ตอนนี้จะดำเนินการศึกษาในรูปแบบพีพีพี เพื่อพิจารณารูปแบบการร่วมลงทุนให้เหมาะสม จูงใจเอกชนร่วมทุน และประหยัดงบประมาณภาครัฐ”
นายกิตติกานต์ กล่าวด้วยว่า จากการประเมินเบื้องต้นพบว่า อู่จอดรถเมล์ที่มีศักยภาพในการเปิดพีพีพีเพื่อดึงเอกชนร่วมลงทุนนั้น ขณะนี้มี 3 แห่ง ได้แก่ อู่บางเขน อู่มีนบุรี และอู่สวนสยาม เนื่องจากทำเลของอู่รถเมล์เหล่านี้นอกจากจะอยู่ในพื้นที่ชุมชนแล้ว ยังมีแนวเส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน ซึ่งจะทำให้เกิดการเดินทางสะดวก และเอื้อต่อการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์
รายงานข่าวจาก ขสมก. เผยว่า แผนพัฒนาเชิงพาณิชย์ของ ขสมก. ก่อนหน้านี้มีการศึกษานำพื้นที่อู่จอดรถหลายแห่งในกรุงเทพฯ มาเตรียมเปิดประมูลให้เอกชนร่วมลงทุน อาทิ อู่บางเขน ที่มีพื้นที่ 11 ไร่ อยู่ติดกับรถไฟฟ้า และอู่มีนบุรี ที่มีพื้นที่ 10 ไร่ เป็นย่านชุมชนที่มีการเดินทางผ่านหนาแน่น จึงถือเป็นอู่จอดรถที่มีศักยภาพ คาดว่าจะจูงใจเอกชนร่วมลงทุน
สำหรับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ ขสมก.มีเป้าหมายพัฒนาอู่จอดรถทั้งสองแห่งในลักษณะโครงการมิกซ์ยูส โดย อู่บางเขน ขสมก.จะเป็นผู้ลงทุนที่ดิน ส่วนเอกชนจะลงทุนก่อสร้างอาคารทั้งหมด ให้สัมปทานเช่าพัฒนาที่ดินรวม 30 ปีมูลค่าการลงทุนโครงการ 1,687 ล้านบาท
ส่วนอู่มีนบุรี ผลการศึกษาก่อนหน้านี้ ขสมก.มีแนวคิดจะพัฒนาเป็นตลาดและร้านค้า รวมทั้งการพัฒนาเป็นตลาดและร้านอาหารริมน้ำบริเวณคลองสามวา โดยจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนภายใต้สัมปทานเช่าระยะ 30 ปีคาดว่าจะมีมูลค่าลงทุนราว 1,386.88 ล้านบาท






