กยท.เบรกชาวสวนเปิดหน้ากรีดยาง ปี68 ป้องราคาตกจากนโยบายทรัมป์

กยท.เบรกชาวสวนเปิดหน้ากรีดยาง ปี68 ป้องราคาตกจากนโยบายทรัมป์

กยท. เลื่อน เปิดฤดูการกรีดยาง 1 เดือน ป้องราคาตก ผลสะท้อนจากนโยบายภาษีทรัมป์ พร้อมปล่อยสินเชื่อระยะสั้นปลอดดอก เล็งเจราจาจีนลดภาษีนำข้า ด้านนฤมล ตีปีกราคาขยับขึ้น

นาง​ นฤมล​ ภิญโญ​สิน​วัฒน์​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​เกษตร​และ​สหกรณ์​ เปิดเผยว่า  ภายหลังจากปิดตลาดกลางยางพาราเมื่อวันที่  2 พฤษภาคม 2568  พบว่าราคาได้ปรับเพิ่ม​ขึ้น โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ปรับขึ้นแตะ 70 บาทต่อกิโลกรัม ยางแผ่นดิบคุณภาพดีอยู่ที่ 68 บาทต่อกิโลกรัม น้ำยางสด 58.75 บาทต่อกิโลกรัม ยางก้อนถ้วย (DRC 100%) อยู่ที่ 58 บาทต่อกิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 70%) ราคา 40.60 บาทต่อกิโลกรัม

กยท.เบรกชาวสวนเปิดหน้ากรีดยาง ปี68 ป้องราคาตกจากนโยบายทรัมป์

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเลื่อนเปิดกรีดต้นยางพารา จากเดือนพฤษภาคมเป็นมิถุนายน 2568 จะทำให้ผลผลิตหายไปจากตลาดโลกราว 3 แสนตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 14,400 ล้านบาท (คำนวณจากราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ที่ 72.04 บาทต่อกิโลกรัม ณ วันที่ 3 เมษายน 2568) การลดอุปทานนี้สร้างความวิตกต่ออนาคตซัพพลาย ทำให้ผู้ค้าที่มีคำสั่งซื้อเร่งสะสมยาง กระตุ้นให้ตลาดโลกกลับมาคึกคัก

โดยที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ มุ่งมั่นแก้ปัญหาราคายาง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยระหว่างเลื่อนเปิดกรีด เกษตรกรสามารถบำรุงรักษาต้นยางเพื่อเตรียมความพร้อม โดยการยางแห่ง​ประเทศไทย​ (กยท.) จะสนับสนุนสินเชื่อระยะสั้นผ่านสถาบันเกษตรกร วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อสัญญา ปลอดดอกเบี้ย 4 เดือน เริ่มตั้งแต่พฤษภาคมนี้

นอกจากนี้กยท. ยังมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการที่รับซื้อยาง ด้วยการชดเชยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ภายใต้เงื่อนไขเข้าร่วมโครงการ พร้อมเดินหน้าแผนซื้อโรงงานผลิตยางล้อเพื่อรองรับผลผลิตเกษตรกร ช่วยดึงผลผลิตออกจากตลาด ยกระดับคุณภาพสินค้ายางพารา และส่งเสริมแบรนด์สินค้ายางพาราของ กยท. รวมถึงเพิ่มการใช้ยางพาราในประเทศด้วย

กยท.เบรกชาวสวนเปิดหน้ากรีดยาง ปี68 ป้องราคาตกจากนโยบายทรัมป์

นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า กยท. ตระหนักถึงความสำคัญของผลกระทบจากสถานการณ์ราคายางพาราที่อาจส่งผลถึงรายได้ของชาวสวนยาง จึงเร่งหารือร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการและแนวทางโดยมุ่งรักษาเสถียรภาพราคายาง แก้ปัญหาราคายางที่ปรับตัวลงจากการประกาศนโยบายด้านภาษีของสหรัฐอเมริกา (Reciprocal Tariffs)ซึ่งทำให้เกิดความตื่นตระหนกในกลุ่มผู้ประกอบการและนักลงทุนบางกลุ่ม

โดยมาตรการหนึ่งที่ขณะนี้ กยท. ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแล้ว คือมาตรการเลื่อนฤดูกาลเปิดกรีดยางออกไป 1 เดือน จากเดิมที่เกษตรกรส่วนใหญ่เริ่มเปิดกรีดในเดือนพฤษภาคม 2568 ให้เริ่มทำการเปิดกรีดในเดือนมิถุนายน 2568 แทน ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผลผลิตยางหายจากระบบตลาดโลกไม่น้อยกว่า 200,000ตัน ซึ่งการลดลงของอุปทานนี้จะสร้างแรงกดดันต่อสมดุลของตลาด

การชะลอเปิดกรีด 1 เดือนไม่ได้เป็นมาตรการโต้ตอบ แต่เป็นการปกป้องตัวเอง เพื่อให้เกิดเสถียรภาพในระบบยางพาราอย่างยั่งยืนเชื่อมั่นว่าการเลื่อนเปิดกรีดยางออกไป 1 เดือน จะทำให้ภาพรวมของยางพาราทั้งระบบไม่เกิดความเสียหายเนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ยางทั่วโลกมีมากกว่าปริมาณผลผลิตยางประมาณ 2% และมั่นใจว่าหากเก็บเกี่ยวผลผลิตยางในเดือนหน้าจะทำให้เกษตรกรได้รับราคายางที่สูงกว่าระดับราคาในช่วงเดือนนี้อย่างแน่นอน” 

กยท.เบรกชาวสวนเปิดหน้ากรีดยาง ปี68 ป้องราคาตกจากนโยบายทรัมป์

ทั้งนี้ ช่วงระหว่างเลื่อนการเปิดกรีด เกษตรกรสามารถใช้โอกาสนี้ในการดูแลรักษาและบำรุงต้นยางให้แข็งแรงสมบูรณ์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวผลผลิตยางเมื่อถึงเวลาเปิดกรีด โดย กยท. ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิต (ปุ๋ยบำรุง) โดยสนับสนุนเงินกู้จากกองทุนพัฒนายางพารา มาตรา49(3) แก่สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ผ่านโครงการสินเชื่อระยะสั้น สำหรับสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตในการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตยางพารา ซึ่งสถาบันเกษตรกรสามารถยื่นสิทธิ์ขอกู้ได้สถาบันละ 1 สัญญา วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อสัญญา อัตราดอกเบี้ยร้อยละศูนย์ เป็นระยะเวลา 4 เดือน (เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป) 

ซึ่งจะช่วยสถาบันเกษตรกรฯ ที่เข้าร่วมโครงการฯสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อจัดหาปุ๋ยหรือปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ ราคาถูกจำหน่ายให้สมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ เป็นการช่วยลดต้นทุนเพิ่มปริมาณผลผลิตยาง และยกระดับรายได้ให้เกษตรกรฯ ได้ในอนาคตสอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งยกระดับศักยภาพของเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน และสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

กยท. ยังมีมาตรการและแนวทางอื่นๆ ที่เตรียมดำเนินการในระยะต่อไป ได้แก่การดำเนินโครงการชะลอการขายยาง ซึ่งจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวการดำเนินการเจรจากับผู้ประกอบการจีน ขับเคลื่อนเรื่องการลดภาษีนำเข้ายางจากไทย ภายใต้ความร่วมมือสมาคมการค้าส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง กับ กยท.ซึ่งเป็นการส่งเสริมการส่งออก ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าให้ราคายางปรับตัวดีขึ้น รวมไปถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ ในการบำรุงรักษาสวนยาง เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตด้วยการใส่ปุ๋ยบำรุง น้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำ ตลอดจนการนำนวัตกรรมฮอร์โมนเอทธิลีนมาใช้ในสวนยาง เป็นต้น