‘พิชัย‘ ชี้สงครามการค้าฉุดไทยสะดุดหลุมอากาศ ชะลอเศรษฐกิจโลก

”พิชัย“ ชี้สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจไทยตกหลุมอากาศกระทบทั่วโลก คาดไตรมาสแรกจีดีพียังโต 2.5-3% จ่อเขย่างบปี 69 โยกทำโครงการเร่งด่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต
ในวาระโอกาสคล้ายวันครบรอบสถาปนา 150 ปี กระทรวงการคลัง จัดงาน “MOF Journey 150 ปี เส้นทางการคลังไทย“ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 1-3 พ.ค.2568
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Global Transition: เศรษฐกิจไทยภายใต้จุดเปลี่ยน” ว่า การประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ ทำให้โลกการค้าเสรีในปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยประเทศไทยจะแก้ไขเรื่องนี้ด้วยจุดแข็งด้วยการนำเข้าเพิ่มขึ้น และส่งออกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสินค้าเกษตรกรรมสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูป เช่น ข้าวโพด ปลาบางชนิด โดยจะต้องเป็นสินค้ามีราคาที่สามารถแข่งขันได้ รวมทั้งการนำเข้าสินค้าพลังงานเพิ่มขึ้น
“เชื่อว่าในที่สุดแล้วหลังการเจรจาเสร็จสิ้น หากสหรัฐกำหนดอัตราภาษีเสมอภาคกับประเทศคู่แข่ง ประเทศไทยก็จะไม่เสียเปรียบ ซึ่งเชื่อว่าข้อเสนอที่ไทยจะนำไปเจรจากับสหรัฐ จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี"
นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องภาษีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และหลายประเทศกำลังดำเนินการอย่างเงียบๆ แต่มีการพูดคุยกันในระดับลึก เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ยอดการขอบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท คิดเป็น 40-50% ของ GDP ซึ่งสะท้อนว่าไทยยังเป็นที่ต้องการลงทุน อย่างไรก็ดี การส่งเสริมการลงทุนหลังจากนี้ไปจะต้องเลือกมากขึ้น อุตสาหกรรมอนาคต รวมทั้งมีการผลิตห่วงโซ่ซัพพลายเชนในไทยด้วย
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการแก้หนี้อย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาปรับปรุงมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" ให้ครอบคลุมผู้มีหนี้สินมากขึ้น อาทิ จากเดิม 5,000 บาท เป็น 10,000 บาท และขยายเป็น 30,000 บาท เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการปรับปรุงหนี้ได้มากขึ้น โดยกระทรวงการคลังจะมีการเสนอปรับเงื่อนไขและนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. นี้
นายพิชัย กล่าวว่า คาดการณ์ว่า GDP ในไตรมาสแรกของปีนี้จะเกิน 2.5% และอาจใกล้เคียง 3% อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบจากความไม่แน่นอนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก และจะต้องเตรียมมาตรการรองรับหากสถานการณ์เลวร้ายลง โดยจะเน้นการทบทวนงบประมาณที่มีอยู่ และหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่โดยไม่จำเป็น
ขณะนี้งบประมาณปี 2569 อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภา ซึ่งจะมีการหารือกับสภาเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมของงบประมาณในแต่ละส่วน ให้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับสถานการณ์เร่งด่วน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าจะต้องใช้เม็ดเงินขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่อาจมีการทบทวน โดยจะพิจารณาตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป







