ราคาน้ำมันดิบเม.ย.ร่วงลงมากสุดนับแต่ปี 2021 หวั่นสงครามการค้า

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงเมื่อวันพุธ และในเดือนเมษายนร่วงลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปีครึ่ง หลังซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณว่าจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ตลาดหวั่นสงครามการค้าโลก
รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดน้ำมันโลกในวันพุธ (30 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า ราคาน้ำมันดิบร่วงลง และสำหรับรอบเดือนเมษายนราคาร่วงลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปีครึ่ง หลังจากซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณว่าจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นและขยายส่วนแบ่งตลาด ขณะที่สงครามการค้าโลกทำให้ความต้องการน้ำมันมีแนวโน้มลดลง ตลาดหวั่นเศรษฐกิจโลกถดถอย
ในวันพุธราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าลดลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.76% ปิดที่ 63.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต(WTI) ล่วงหน้าลดลง 2.21 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 58.22 ดอลลาร์ ในรอบเดือนเมษายนราคาน้ำมันเบรนท์และ WTI ลดลงมากกว่า 15% และ 18% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021
ราคาน้ำมันดิบในตลาดทั้งสองตัวร่วงลง หลังจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่งสัญญาณว่าไม่เต็มใจที่จะพยุงตลาดน้ำมันด้วยการลดอุปทานเพิ่มเติม และสามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่ตกต่ำเป็นเวลานานได้
“เรื่องนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าเราอาจกำลังเผชิญกับสงครามการเพิ่มการผลิตอีกครั้ง” ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสของ Price Futures Group กล่าว “ซาอุดีอาระเบียกำลังพยายามส่งสัญญาณว่าพวกเขาจะยึดส่วนแบ่งการตลาดคืนมาหรือไม่ เราคงต้องรอดูกันต่อไป”
คาดโอเปกพลัสเพิ่มการผลิต
แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าสมาชิกโอเปกพลัสหลายรายจะเสนอให้เพิ่มปริมาณการผลิตเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนมิถุนายน โดยกลุ่มจะประชุมกันในวันที่ 5 พฤษภาคมเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการผลิต
“มีความเป็นไปได้สูงมากที่โอเปกพลัสจะยังคงเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดต่อไปในขณะที่กลุ่มกำลังต่อสู้เพื่อรักษาความสงบภายในกลุ่ม การเจรจานิวเคลียร์อิหร่านสันติภาพยูเครน ซึ่งหากประสบความสำเร็จ ก็หมายถึงจะมีน้ำมันดิบเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงการทำสงครามการค้าซึ่งจะทำลายความหวังในการเติบโตของอุปสงค์” นักวิเคราะห์ของ PVM กล่าว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมดของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 2 เมษายน และจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าของตนเอง ทำให้เกิดสงครามการค้าระหว่างประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ 2 อันดับแรกของโลก
เศรษฐกิจสหรัฐติดลบ โลกเสี่ยงถดถอย
ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลงยังคงกดดันราคาน้ำมัน
ข้อมูลเมื่อวันพุธแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวในไตรมาสแรก โดยได้รับแรงกดดันจากการนำเข้าสินค้าจำนวนมากของธุรกิจที่ต้องการหลีกเลี่ยงต้นทุนที่สูงขึ้น
การสำรวจของรอยเตอร์ชี้ว่าการขึ้นภาษีของทรัมป์ทำให้มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้
ข้อมูลเมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีในเดือนเมษายน เนื่องมาจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาษี
ปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงอย่างไม่คาดคิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากความต้องการส่งออกและการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้จำกัดการลดลงของราคาน้ำมันได้บางส่วน
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานเปิดเผยเมื่อวันพุธว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล เหลือ 440.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 เมษายน เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ในการสำรวจของรอยเตอร์ว่าจะเพิ่มขึ้น 429,000 บาร์เรล






