ด่วน! กกพ.กดค่าไฟ พ.ค.-ส.ค. ที่ 3.98 บาท ควักเงิน Claw Back 1.2 หมื่นล้าน ช่วยอุ้ม

ด่วน! "กกพ." เคาะลดค่าไฟงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2568 เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย ถูกกว่าที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 3.99 บาท โดยควักเงิน Claw Back 1.2 หมื่นล้านช่วยอุ้ม
นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยภายหลังประชุมบอร์ด กกพ. ว่า จากภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และมาตรการการค้าที่อาจส่งผลต่อประเทศไทย สำนักงานกกพ. จึงคิดคำนึงว่าจะทำอย่างไรให้ค่าไฟฟ้าที่จะเรียกเก็บเดือนพ.ค.-ส.ค.2568 มีความรอบคอบที่สุดโดย
ทั้งนี้ จึงมีข่าวดีมห้ประชาชน เนื่องจากรอบที่แล้วที่สำนักงาน กกพ. ประกาศหลังรับฟังความเห็นค่าไฟและได้ประกาศไว้ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย จึงได้ทบทวนตัวเลขที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงโดยตรวจสอบอย่างถูกต้อง และเมื่อสถานการณ์ผ่านไป โดยช่วงเดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์หลายอย่าง อีกทั้ง รัฐบาลมีความห่วงใยและเสนอข้อรับทราบค่าไฟไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย
ดังนั้น รัฐบาลจึงอยากให้คณะกรรมการ (บอร์ด) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), สำนักงานกกพ. และกระทรวงพังงาน ทบทวนค่าไฟโดยไม่ใช้งบปรัมาณ ดังนั้น ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา คณะทำงานได้ทำงานโดยไม่พักเพื่อหาทางออกให้ดีที่สุด ทั้งนี้ กกพ.ทำหน้าที่ที่เป็นเรื่องของกฎหมายและการพิจารณาค่าไฟให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
"กกพ. คำนุงถึงต้นทุนค่าเชื้อเพลิง และหนี้คงค้าง ซึ่งกฟผ. เคยแบกรับให้ประชาชนมากกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเหลือคงค้าง 7.1 หมื่นล้านบาท ราว 0.2033 บาทต่อหน่วย ดังนั้น ในด้านการดูแลประชาชน ต้องดูแลกฟผ.แบกรับหนี้ถ้าไม่ได้รับการจ่ายหนี้จะมีผลกระทบเคดิตรเรตติ้ง กระทบการเงิน สุดท้ายประชาชนก็ต้องจ่ายในอนาคตอยู่ดี และยังเป็นอัตราดอกเบี้ยที่มีผลตามมา"
ดังนั้น กกพ. เราจึงหาจุดสมดุลให้มากที่สุด จึงมีความเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจึงอยากนำเงินส่วนหนึ่ง คือ อัตราเรียกคืนในผลประโยชน์ส่วนเกิน (Claw Back) จากการที่เคยมีการประมาณการว่าจะลงทุนใดๆ ก็ตามแล้วการลงทุนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ส่วนต่างของสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นจาก 3 การไฟฟ้า จึงมีการทบทวนตัวเลขต่างๆ โดยนำมาในรอบนี้ประมาณ 12,200 ล้านบาท หรือราวๆ 17 สตางค์ เมื่อหักออกจาก 4.15 บาทจะได้ค่าไฟที่ 3.98 บาท ถือเป็นค่าไฟที่สามารถดูแลได้ทั้งพี่น้องประาชนแะเศรษฐกิจที่จะต้องได้รับการดูแล และดูแลเสถียรภาพ ความมั่นคงในระบบ และกฟผ. ด้วย โดยมีผลทันทีรอบเดือน พ.ค -ส.ค 2568
"รอบนี้ถือว่าต่ำสุดเท่าที่จำได้ Claw Back ขณะนี้มีทั้งหมด 2 หมื่นล้านบาท ที่เก็บจาก 3 การไฟฟ้า"







