'สุเมธ' ทิ้งเก้าอี้บอร์ด กนอ. ชิงผู้ว่าคนนอกยุค 'รทสช.'

"สุเมธ ตั้งประเสริฐ" ยื่นใบลาออกจากกรรมการ กนอ. เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2568 ลุ้นเข้าวินชิงเก้าอี้ผู้ว่าการ กนอ. คนนอกยุค "รวมไทยสร้างชาติ"'
สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และรักษาการผู้ว่าการ กนอ. ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งกรรมการ (บอร์ด) กนอ. เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2568 เพื่อเข้าสู่กระบวนการสรรหาผู้ว่าการ กนอ. ตามกรอบกฎระเบียบของขั้นตอนผู้สมัครผู้ว่าการ กนอ.
ทั้งนี้ กนอ. ได้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการ กนอ. โดยมีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึง 28 เมษายน 2568 ในวันทำการ ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. ที่ผ่านมา โดย รองศาสตราจารย์วีระศักดิ์ แพสุวรรณ เป็นประธานกรรมการสรรหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตัวเต็งสำหรับผู้ว่าการ กนอ. แทนนายวีริศ อัมระปาล ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) คือ นายสุเมธ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ไว้วางใจมอบหมายงานในหลายๆ ตำแหน่ง
รวมถึงล่าสุดได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแต่งตั้งนายสุเมธ ให้เปHนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ตามที่นายเอกนัฏ นำเสนอที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมาด้วย
สำหรับนายสุเมธ ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ กนอ.เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2567 โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง
รวมทั้งนายสุเมธ มีประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน รวมถึงเป็นกรรมการหน่วยงานหลายแห่ง เช่น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค), องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน), สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย
สำหรับโจทย์ความท้าทายของใหญ่ผู้ว่าฯ กนอ. คนใหม่นั้น ปี 2568 ต้องเพิ่มยอดขาย/ให้เช่าพื้นที่ 3,000-4,000 ไร่ จากพื้นที่ที่ยังมีอยู่ประมาณ 25,215 ไร่ และต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนสี เช่น การประกาศเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษจะต้องมีพื้นที่พร้อมที่จะรองรับการลงทุน เพราะการเปลี่ยนสีจะเจอพื้นที่สาธารณะ หรือพื้นที่ ส.ป.ก. และการประเมิณผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ยังต้องใช้เวลาเช่นกันนานกว่า 2 ปี จึงไม่ใช่แค่เพิ่มพื้นที่ขายอย่างเดียว แต่ต้องเป็นจำนวนเปิดเพิ่มด้วย
ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มูลค่าการลงทุนทั้งโครงการ 6.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนของภาคเอกชน 5.2 หมื่นล้านบาท และภาครัฐ 1.2 หมื่นล้านบาทคาดสร้างแล้วเสร็จในปี 2570 พร้อมใช้เป็นท่าเรือขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ ส่งเสริมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ และส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อ.เมือง จ.ระยอง พื้นที่ 1,383.76 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม 621.55 ไร่ พื้นที่พาณิชยกรรม 150.54 ไร่ พื้นที่สีเขียว 238.32 ไร่ และพื้นที่สาธารณูปโภค 373.35 ไร่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน Floating Solar Farm ระบบ Internet (5G)/IoT และระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ
ขณะที่โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค (Smart Park) ตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง มีพื้นที่ 1,400 ไร่ มูลค่าการลงทุน 2,370 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดดำเนินการปี 2567 ที่ผ่านมา กนอ. ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2564 กับบริษัท เทิดไท แอนด์ โค จำกัด และกำหนดระยะเวลาก่อสร้าง 36 เดือน มุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย LOW CARBONINDUSTRY ได้แก่ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาห กรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล
สำหรับการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ณ เดือนต.ค. 2567 ยอดเงินสะสม 17.24 ล้านล้านบาท โดยมีนิคมฯ ที่ กนอ.ดำเนินการเองและร่วมดำเนินการร่วมกับเอกชนรวม 70 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่ง ใน 17 จังหวัด คิดเป็นพื้นที่ 191,515 ไร่ มีโรงงาน 5,318 โรง และมีแรงงานในนิคมอุตสาหกรรม กว่า 1 ล้านคน