ขุนคลังหารือทวิภาคี เชื่อม Financial Hub ไทย-ลักเซมเบิร์ก

"เผ่าภูมิ" หารือขุนคลังลักเซมเบิร์ก ชงเชื่อม Financial Hub สองชาติ ดันพันธบัตรยั่งยืนไทยเข้าตลาดหลักทรัพย์ยุโรป
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในระหว่าง การประชุม WB-IMF Spring Meetings ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี., สหรัฐอเมริกาได้พบหารือทวิภาคีกับ H.E. Gilles Roth รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประเทศลักเซมเบิร์ก โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางการพัฒนาศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) รวมถึงความร่วมมือระหว่างกันในด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระหว่างสองประเทศ
โดยทั้งสองฝ่ายได้แสดงเจตจำนงร่วมกันที่จะสานต่อความร่วมมือในระดับทวิภาคีผ่านกลไกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การแลกเปลี่ยนนโยบาย กฎระเบียบ และการสนับสนุนด้านเทคนิค เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาศูนย์กลางทางการเงินไทย
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ลักเซมเบิร์กถือเป็นหนึ่งใน Financial Hub ชั้นนำของยุโรปและของโลก และเป็นประตูสำคัญสู่ภาคธุรกิจการเงินในยุโรป ในขณะที่ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นประตูสู่อาเซียน โดยมุ่งเน้นบทบาทในตลาดกองทุนรวมระหว่างประเทศ การบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และนวัตกรรมทางการเงิน
โดยเป็นศูนย์กลางการเงินที่เปิดกว้างต่อผู้ประกอบการจากานานาประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าการเชื่อมโยงศูนย์กลางทางการเงินทั้งสองแห่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทั้งสองประเทศ
นายเผ่าภูมิ ได้เน้นย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลไทยในการผลักดันให้ไทยเป็น Financial Hub แห่งใหม่ของภูมิภาค เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการเงินไทยในเวทีโลก ด้วยการยกระดับการกำกับดูแลให้ได้มาตรฐานสากล มีความยืดหยุ่นเพื่อเอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน พัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการเงิน รวมถึงการพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับนวัตกรรมทางการเงินยุคใหม่
นายเผ่าภูมิ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของ ร่าง พ.ร.บ. Financial Hub ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบหลักการไปแล้ว โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศสามารถขออนุญาตประกอบธุรกิจทางการเงินได้ถึง 8 ประเภทใน Financial Hub ได้แก่
- ธนาคารพาณิชย์
- บริการการชำระเงิน
- หลักทรัพย์
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
- สินทรัพย์ดิจิทัล
- ประกันภัย
- นายหน้าประกันภัยต่อ
- ธุรกิจทางการเงินหรือธุรกิจอื่น
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักงาน OSA ขึ้นใหม่ เพื่อให้บริการภาครัฐแบบครบวงจร ทั้งการออกใบอนุญาต การกำหนดสิทธิประโยชน์ และการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจภายใต้ Financial Hub ให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล
“ปัจจุบัน ร่าง พ.ร.บ. Financial Hub อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในเร็วๆ นี้”
นอกเหนือจากการหารือเรื่อง Financial Hub ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือและเห็นพ้องในการนำพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond) ของประเทศไทยเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์ก (LuxSE) ซึ่งถือเป็นการสานต่อความสำเร็จจากการนำ Sustainability bond (ESGLB35DA) ของไทย ที่ประสบความสำเร็จไปก่อนหน้านี้