รายงานเศรษฐกิจเดือน มี.ค. 68 ภาพรวมลงทุนยังหดตัว โรงงานใหม่หนุนบางพื้นที่

รายงานเศรษฐกิจเดือน มี.ค. 68 ภาพรวมลงทุนยังหดตัว โรงงานใหม่หนุนบางพื้นที่

สศค. เปิดรายงานเศรษฐกิจเดือน มี.ค. 68 ขยายตัวต่อเนื่องในหลายภูมิภาค ภาพรวมลงทุนยังหดตัว มีเงินทุนโรงงานใหม่หนุนบางพื้นที่

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจภูมิภาครายสัปดาห์ พบว่า ภาพรวมแนวโน้มหลักของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย ณ เดือน มี.ค. 2568 การบริโภคภาคเอกชนโดยรวมยังคงมีสัญญาณการขยายตัวที่ดี นำโดยการใช้จ่ายที่สะท้อนผ่านภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนโดยรวมยังคงเผชิญภาวะหดตัว แม้จะมีเงินลงทุนโรงงานใหม่ขนาดใหญ่กระจุกตัวในบางพื้นที่สำคัญ

ทั้งนี้ การบริโภคภาคเอกชนในเดือน มี.ค. 2568 โดยรวมมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ซึ่งขยายตัวสูงถึง 13.4% ต่อปี สอดคล้องกับทิศทางของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังคงอยู่ในระดับ 58.4

ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ยังคงหดตัวที่ -3.1% ต่อปี สวนทางกับจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่ขยายตัวเล็กน้อยที่ 1.1% ต่อปี นอกจากนี้ รายได้เกษตรกรโดยรวมยังคงขยายตัวที่ 3.5% ต่อปี
 

ด้านการลงทุนภาคเอกชนในภาพรวมระดับประเทศยังคงมีแนวโน้มหดตัว สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ที่ลดลง -8.9% ต่อปี สำหรับเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการในเดือน มี.ค. 2568 มีมูลค่ารวม 18,132 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ถือว่าหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญถึง -54.3% ซึ่งเงินลงทุนโรงงานใหม่นี้มีการกระจายตัวในหลายภูมิภาค แต่มีสัดส่วนสูงเป็นพิเศษในภาคกลาง

สำหรับแนวโน้มรายภูมิภาค แบ่งออกเป็น

ภาคเหนือ: การบริโภคภาคเอกชนมีการขยายตัวเช่นกัน โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวที่ 11.0% ต่อปี และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ 4.2% ต่อปี ในขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ยังคงหดตัวที่ -10.5% ต่อปี และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ -8.3% ต่อปี

ด้านการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณที่ดีจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ที่ขยายตัวได้ดีที่ 3.2% ต่อปี โดยเฉพาะในจังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน และแพร่ สำหรับเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการมีมูลค่า 428 ล้านบาท โดยหลักเป็นการลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการลงทุนในโรงงานห้องเย็น และขยายตัวสูงถึง 73.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในประเทศ โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่พุ่งสูงถึง 14.0% ต่อปี จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ 1.6% ต่อปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 60.3 ในขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่หดตัวหนักถึง -16.0% ต่อปี และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ -12.5% ต่อปี

การลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณบวกจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ที่ขยายตัวได้ที่ 1.5% ต่อปี โดยเฉพาะในจังหวัดมุกดาหาร อำนาจเจริญ และยโสธร อย่างไรก็ตาม เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการมีมูลค่าเพียง 0.2 พันล้านบาท และหดตัวถึง -74.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

กทม. และปริมณฑล: การบริโภคภาคเอกชนยังคงขยายตัว โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวที่ 9.5% ต่อปี จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวเล็กน้อยที่ 1.9% ต่อปี แต่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่หดตัวถึง -15.7% ต่อปี ขณะที่รายได้เกษตรกรหดตัวที่ -3.8% ต่อปี

การลงทุนภาคเอกชนจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -8.6% ต่อปี แต่จังหวัดสมุทรปราการยังคงขยายตัวได้ ในส่วนของเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการมีมูลค่าสูงเป็นอันดับสอง รองจากภาคกลาง ที่ 1,343 ล้านบาท โดยหลักเป็นการลงทุนในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นการลงทุนในโรงงานกลึง เจาะ เจียร เชื่อมโลหะ มูลค่า 137 ล้านบาท และโดยรวมของภูมิภาคนี้ขยายตัวที่ 7.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่า เงินทุนลงทุนใหม่มีมูลค่าสูงในพื้นที่นี้

ภาคกลาง: การบริโภคภาคเอกชนโดยรวมทรงตัว โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่อยู่ที่ 0.0% ต่อปี จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -16.5% ต่อปี และรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -3.7% ต่อปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 56.9 และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ -2.8% ต่อปี ด้านการลงทุนภาคเอกชน จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวอย่างมากที่ -27.8% ต่อปี

แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดในประเทศที่ 15,385 ล้านบาท โดยหลักเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นการลงทุนในโรงงานผสมและแบ่งบรรจุปุ๋ยเคมี มูลค่าสูงถึง 15,209 ล้านบาท ทำให้โดยรวมของภาคกลางขยายตัวก้าวกระโดดถึง 892.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่า เงินทุนลงทุนใหม่มีมูลค่าสูงมากในภูมิภาคนี้

ภาคตะวันออก: การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัว โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่หดตัวที่ -6.4% ต่อปี และจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่หดตัวรุนแรงที่ -23.9% ต่อปี แม้จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ยังขยายตัวที่ 2.2% ต่อปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 60.3 รายได้เกษตรกรหดตัวที่ -3.4% ต่อปี ด้านการลงทุนภาคเอกชน จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -13.6% ต่อปี เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการมีมูลค่าเพียง 0.4 พันล้านบาท และหดตัวถึง -77.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ภาคตะวันตก: การบริโภคภาคเอกชนหดตัวเล็กน้อย โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่หดตัวที่ -0.6% ต่อปี จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -14.0% ต่อปี และรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -1.4% ต่อปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 56.9 และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ -2.6% ต่อปี

ด้านการลงทุนภาคเอกชน จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวอย่างมากที่ -30.1% ต่อปี เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการมีมูลค่าเพียง 0.2 พันล้านบาท และหดตัวถึง -99.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ภาคใต้: การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวโดดเด่นที่สุดในเดือน มี.ค. โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่พุ่งสูงถึง 15.7% ต่อปี จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ขยายตัวเล็กน้อยที่ 0.1% ต่อปี และรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวสูงถึง 6.4% ต่อปี ที่น่าสนใจคือรายได้เกษตรกรในภาคใต้ขยายตัวสูงสุดในประเทศถึง 20.3% ต่อปี แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะอยู่ที่ 55.9

ด้านการลงทุนภาคเอกชน จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -9.9% ต่อปี เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการมีมูลค่าเพียง 0.2 พันล้านบาท และหดตัวถึง -64.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า