'คลัง' ถก 'ธปท.' จ่อออกซอฟต์โลน อุ้มผู้ส่งออกกระทบ 'ภาษีทรัมป์'

"คลัง" เตรียมถกแบงก์ชาติออกซอฟต์โลน เติมเม็ดเงินช่วยผู้ประกอบการส่งออกที่ได้รับผลกระทบภาษีทรัมป์ จ่อทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ ระบุขณะนี้ยังไม่แน่นอนสูง เล็งขับเคลื่อนเศรษฐกิจครึ่งปีหลังเต็มสูบ
KEY
POINTS
- คลังเตรียมหารือ ธปท. ออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบภาษีทรัมป์
- ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากนโยบายสหรัฐฯ ได้ยาก ยังมีความไม่แน่นอนสูง คลัง เตรียมทบทวนตัวเลขคาดการณ์ใหม่
- รวมถึง พิจารณากลไกและเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเติม รวมถึงแนวคิดขยายเพดานหนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบ
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมเรียกหารือนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้ง ในการเตรียมออกเพื่อออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เพื่อเติมสภาพคล่องช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกและซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้ของทรัมป์
โดยจะมีการพิจารณาปรับเกณฑ์การขอสินเชื่อเพื่อให้ธนาคารลดความเข้มงวด และปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการได้มากขึ้น ทั้งนี้ จะมีการกำหนดกรอบวงเงินซอฟต์โลนเท่าไร ยังต้องรอประเมินผลกระทบภายหลังการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐเสร็จสิ้น
รวมทั้งจะมีการพูดคุยในประเด็นอื่นๆ อาทิ การดำเนินนโยบายการเงิน การถือครองพันธบัตรสหรัฐ และตลาดทุน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่ได้คำนึงถึงความสัมพันธ์ในอดีต แต่มองเรื่องผลประโยชน์ของอเมริกาเป็นหลัก ตามที่เขาได้หาเสียงไว้ที่จะทำให้ America Great Again
ซึ่งสถานการณ์ของสหรัฐโดยภาพรวมขาดดุลการค้ากับทั่วโลกกว่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยการประกาศนโยบายภาษีตอบโต้และการปฏิรูปส่วนราชการ ทรัมป์คาดว่าจะลดการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐลงได้
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ผลกระทบจากเรื่องภาษีทรัมป์ยังประเมินออกมาเป็นตัวเลขได้ยาก เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยรัฐบาลไทยเตรียมแผนที่จะเข้าไปเจรจากับสหรัฐอย่างรอบด้าน ซึ่งสุดท้ายแล้วเราจะมีข้อตกลงกันอย่างไรก็จะต้องกลับมาประเมินผลหลังจากนี้อีกครั้ง
เศรษฐกิจทั่วโลกต่ำเป้า จ่อ Recession
เบื้องต้น หลายสำนักมีการเปิดเผยการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไทยว่าจะขยายตัวต่ำลง อย่างไรก็ดีตัวเลขในขณะนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์ ในวันนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าหลังการเจรจาของไทยผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร บางเซคเตอร์อาจได้ประโยชน์ และมีบางเซคเตอร์ที่ได้รับผลกระทบ
"หลายประเทศที่เจรจากับสหรัฐแล้วแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีที่ดีนัก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ไทยชะลอการเดินทางไปสหรัฐ เพื่อรอดูท่าทีและการตอบสนองต่อประเทศคู่ค้าของสหรัฐที่ได้เจรจาแล้ว"
เมื่อถามถึงแนวคิดการขยายเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 70% นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุป และยังไม่ได้มีการหารือกันอย่างเป็นทางการในกระทรวง ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายภาษีตอบโต้ของทรัมป์จะเกิดผลกระทบขึ้นกับเศรษฐกิจทั่วโลก และอาจทำให้หลายประเทศเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Economic Recession)
ซึ่งแน่นอนว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจะต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่วางไว้ แต่รัฐบาลยังคงเป้าหมายในการเดินหน้ามาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ โดยจะมีการพิจารณากลไกเพิ่มเติมที่จะเข้ามาทดแทนส่วนที่ได้รับผลกระทบ อาทิ การเพิ่มเม็ดเงินลงทุน
"ขณะนี้การขยายเพดานหนี้สาธารณะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งจะต้องมีการประเมินผลกระทบต่อไทย และหากมีความจำเป็นที่จะต้องกู้เพิ่มเติมก็จะต้องรับฟังความคิดเห็นและกำหนดโครงการ รวมทั้งเตรียมเม็ดเงินที่จะเข้าไปช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้ผลกระทบด้วย อาทิ ซอฟต์โลน"
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า โจทย์ที่รัฐบาลจะต้องหารือกันคือเรื่องของการจัดสรรงบประมาณให้มีความคุ้มค่า ต้องดูว่ามีส่วนไหนประหยัดได้ และหมุนมาใช้กระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มากขึ้น หากไม่เพียงพอถึงจะคิดหาช่องทางอื่น ซึ่งไม่ได้มีแค่เรื่องของการยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะ แต่อาจจะมีการขับเคลื่อนการลงทุนรัฐวิสาหกิจ และการลงทุนในส่วนอื่น ที่อาจจะผ่อนเบาผลกระทบลงได้
จับเก็บรายได้ครึ่งปีแรกตามเป้า
สำหรับสถานการณ์การจัดเก็บรายได้รัฐ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 กรมจัดเก็บภาษียังคงจัดเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าหมายและยังไม่มีแนวโน้มพลาดเป้า สำหรับกรมสรรพากรมีแนวโน้มการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่สูงขึ้น ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ต้องยื่นแบบในช่วงกลางปี มองว่าอาจจะได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีทรัมป์ รวมถึงการลงทุนใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วงสุญญากาศ เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกในขณะนี้ต่างขาดความเชื่อมั่น และไม่กล้าที่จะลงทุนที่ไหนเลยในโลก เหตุเพราะการเปลี่ยนแปลงของนโยบายทรัมป์ที่อาจเกิดขึ้นตลอด
สำหรับกรมสรรพสามิต เบื้องต้นมองว่าไม่มีผลกระทบโดยตรง ส่วนกรมศุลกากรจะต้องมีการทบทวนว่าจะต้องมีการปรับอัตราอากรขาเข้าหรือไม่ หากไทยจะมีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น ตามแนวทางลดการขาดดุลและสร้างสมดุลการค้าระหว่างกัน อย่างไรก็ดีตามแนวโน้มการค้าโลกที่มีการทำช้อตกลงการค้าเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันมีแต่จะทำให้การจัดเก็บภาษีศุลกากรมีแนวโน้มหดตัว