"จุลพันธ์" นำโรดโชว์เกาหลีใต้ ดึงลงทุนการเงิน ปั้นไทยฮับภูมิภาค

"จุลพันธ์" ระบุไทยเดินหน้าปั้นศูนย์กลางการเงิน โรดโชว์เกาหลีใต้ชูจุดแข็งศูนย์กลางภูมิภาค หวังดึงนักลงทุนร่วมสร้าง Financial Hub
วันที่ 23 เม.ย.2568 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมงาน IGNITE Thailand-Korea Business Forum ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรม Lotte Hotel Seoul กรุงโซล เพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายสำคัญของรัฐบาลไทยในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Thailand Financial Hub) ต่อกลุ่มเป้าหมายสำคัญในสาธารณรัฐเกาหลี
โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ Herald Media Group, สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสมาคมทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเกาหลี ได้รับทราบรายละเอียดของนโยบาย Financial Hub สร้างความเชื่อมั่นในทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และหารือแนวทางความร่วมมือในอนาคต
นายจุลพันธ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษภายในงานว่า ความก้าวหน้าด้านการเงินและด้านเทคโนโลยีของสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้กรุงโซลกลายเป็นหนึ่งใน Financial Hub ที่ทันสมัยของภูมิภาค และการพัฒนาอย่างรุดหน้าของสาธารณรัฐเกาหลีนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จุดประกายแนวคิดการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นหนึ่งใน Financial Hub ของภูมิภาคเช่นกัน
ซึ่งไทยมีศักยภาพและจุดแข็งที่จะช่วยผลักดันให้โครงการ Thailand Financial Hub เกิดขึ้นได้จริงและทำให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่การลงทุนระหว่างภูมิภาค และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนระหว่างประเทศในอนาคต
โดยปัจจัยสำคัญประกอบด้วย ตำแหน่งที่ตั้งของประเทศไทยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการเงินกับโลกอย่างต่อเนื่อง การมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินที่ก้าวหน้ามากกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค การมีระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม การมีแรงงานที่มีทักษะและมีความพร้อมในการพัฒนาศักยภาพ และการมีต้นทุนในการประกอบธุรกิจที่แข่งขันได้
ปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้โครงการ Thailand Financial Hub เกิดขึ้นได้จริงและทำให้ประเทศไทยเป็นประตูสู่การลงทุนระหว่างภูมิภาคและก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนระหว่างประเทศในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมและยกระดับประเทศไทยสู่การเป็น Financial Hub ระดับโลก รัฐบาลไทยกำลังเร่งพัฒนาระบบนิเวศด้านต่าง ๆ ได้แก่
1. สิทธิประโยชน์ กำหนดสิทธิประโยชน์ที่โปร่งใส ชัดเจน และสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก พร้อมปรับปรุงกระบวนการจดทะเบียนประกอบธุรกิจให้สะดวกรวดเร็ว ลดภาระเอกสาร
2. One Stop Authority (OSA) จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน เพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ทั้งการขออนุญาต สิทธิประโยชน์ และการกำกับดูแล
3. ยกระดับทักษะแรงงาน พัฒนาทักษะแรงงานในประเทศและปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบธุรกิจ
4. ขอบเขตการให้บริการ กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจใน Financial Hub สามารถให้บริการแก่ผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (Non-resident) เป็นหลัก พร้อมส่งเสริมการเข้าถึงตลาดในประเทศ (Market Participant) ในบางกรณี เพื่อตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ
นายจุลพันธ์ กล่าวทิ้งท้ายเชิญชวนบริษัท ผู้ประกอบธุรกิจด้านการเงิน นักลงทุน และผู้พัฒนานวัตกรรมของสาธารณรัฐเกาหลี ให้พิจารณาเข้าร่วมลงทุนใน Financial Hub ของประเทศไทย โดยเชื่อมั่นว่าหากนำความรู้ความชำนาญด้านการเงินและเทคโนโลยีของเกาหลีใต้มาพัฒนาร่วมกับจุดแข็งของไทย จะช่วยยกระดับระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียโดยรวม
นอกจากนี้ ภายในงานนายจุลพันธ์ ยังได้ให้สัมภาษณ์กับ The Korea Herald สื่อหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษสำคัญของเกาหลีใต้ เพื่อให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Thailand Financial Hub โอกาสการลงทุนสำหรับบริษัทเกาหลี และนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต พร้อมกันนี้ ยังได้มีการหารือทวิภาคีร่วมกับบริษัท CJ Foodville ซึ่งเป็นบริษัทหลักด้านอาหารในเครือ CJ Group เพื่อหารือถึงแนวทางความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างบริษัทในเครือกับบริษัทด้านอาหารของไทย เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนและส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศต่อไป