พาณิชย์ เผย ปิดไตรมาสแรก จัดตั้งธุรกิจใหม่ทรงตัว นักลงทุนรอดูสถานการณ์การค้าโลก

พาณิชย์ เผย ปิดไตรมาสแรก จัดตั้งธุรกิจใหม่ทรงตัว นักลงทุนรอดูสถานการณ์การค้าโลก

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า  เผย  จัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนมี.ค.จำนวน 7,432 ราย ลดลง 3.89 % ขณะที่ภาพรวมไตรมาสแรก  23,823 ราย ลดลงเมื่อเทียบกับปี 67 เหตุนักลงทุนรอดูสถานการณ์สงครามการค้า นโยบายทรัมป์

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า  การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนมี.ค. 2568 พบว่า มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 7,432 ราย ลดลง 301 ราย  (-3.89%)  เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.ทุนจดทะเบียนรวม 38,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,489 ล้านบาท (74.45%)  ธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด  3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 573 ราย มูลค่า ทุน 1,351 ล้านบาท 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 523 ราย ทุน 2,110 ล้านบาท 3. ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร 298 ราย ทุน 619 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.71%, 7.04% และ 4.01% ของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจในเดือนมีนาคม 2568 ตามลำดับ

ทั้งนี้ ในเดือนมี.ค. 2568 มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 4 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 18,979 ล้านบาท ได้แก่ 1).บมจ.ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียน 11,024 ล้านบาท  2 .บมจ.ฮ็อป อินน์ โฮเต็ล จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียน 3,575 ล้านบาท 3. บจ.คอมเปค เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท และบจ.เจ็ม-เยียร์ อินดัสเทรียล จำกัด ทุนจดทะเบียน 1,380 ล้านบาท

ส่วนการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนมี.ค. 2568 มีจำนวน 889 ราย ลดลง 22 ราย (-2.41%) เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. และมีทุนจดทะเบียนเลิก 4,842 ล้านบาท ลดลง 741 ล้านบาท  ประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่  ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 80 ราย ทุน 167 ล้านบาท  ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 50 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 208 ล้านบาท และ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 37 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 67 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9%, 5.62% และ 4.16% จากจำนวนการเลิกประกอบธุรกิจในเดือนมี.ค.2568 ตามลำดับ และในเดือนมี.ค.ในเดือนมีนาคม 2568 มีนิติบุคคลเลิกประกอบกิจการที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 1,000 ล้านบาท คือ บจ.คิตากาว่า (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 2,560 ล้านบาท

พาณิชย์ เผย ปิดไตรมาสแรก จัดตั้งธุรกิจใหม่ทรงตัว นักลงทุนรอดูสถานการณ์การค้าโลก

นางอรมน กล่าวว่า  สำหรับการจัดตั้งธุรกิจใหม่ไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 2568) มีจำนวน 23,823 ราย ลดลง 1,180 ราย (-4.72%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (25,003 ราย) ทุนจดทะเบียน 79,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,980 ล้านบาท (17.63 %) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (67,941 ล้านบาท) ธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 1,892 ราย ทุนจดทะเบียน 4,113 ล้านบาท 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,608 ราย ทุนจดทะเบียน 6,266 ล้านบาท และ 3. ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร 973 ราย ทุนจดทะเบียน 1,960 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.94%, 6.75% และ 4.09% จากจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในไตรมาสแรกของปี 2568 ตามลำดับ

การจดทะเบียนเลิกไตรมาสแรก มีจำนวน 3,107 ราย เพิ่มขึ้น 298 ราย (10.61%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (2,809 ราย) ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 11,859 ล้านบาท ลดลง 85 ล้านบาท (-0.71%) เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 (11,944 ล้านบาท) โดยธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 307 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 542 ล้านบาท 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์    137 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 496 ล้านบาท และ 3.ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 129 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 341 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9.88%, 4.41% และ 4.15% จากจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในไตรมาสแรกของปี 2568 ตามลำดับ

ในไตรมาสแรกของปี 68 มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวนรวมทั้งสิ้น 5 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 20,979 ล้านบาท ประกอบไปด้วย บจ.อีลิท เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท และนิติบุคคลจำนวน 4 ราย ในเดือนมีนาคม 2568 ที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท ดังที่กล่าวไปข้างต้น

ช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 มีนิติบุคคลเลิกประกอบกิจการที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 2 ราย รวมทุนจดทะเบียนเลิกทั้งสิ้น 4,128 ล้านบาท ได้แก่ บจ.ฟูไน (ไทยแลนด์) จำกัด ทุนจดทะเบียน 1,568 ล้านบาท และบจ.คิตากาว่า (ประเทศไทย) จำกัด ทุนจดทะเบียน 2,560 ล้านบาท  

“ตัวเลขการจดทะเบียนในไตรมาสแรกของปี 2568 ที่พบว่าการจดทะเบียนจัดตั้งมีจำนวนที่ลดลงเล็กน้อย อาจสืบเนื่องมาจากปัจจัยทางจิตวิทยาที่นักลงทุนรอดูสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐอเมริกา (Reciprocal Tariffs) ที่จะชี้ทิศทางของการค้าและเศรษฐกิจโลกประกอบกับกังวลว่าถ้าจัดตั้งธุรกิจในช่วงนี้อาจต้องเผชิญความท้าทายและความเสี่ยงในการบริหารธุรกิจ รวมไปถึงปัจจัยความเข้มงวดในการปราบปรามธุรกิจนอมินีหรือธุรกิจทุนสีเทาของกระทรวงพาณิชย์ที่จะทำให้ธุรกิจต้องมีความรัดกุมมากขึ้นในการเตรียมความพร้อมก่อนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ทั้งนี้ อัตราส่วนการจัดตั้งธุรกิจต่อการจดเลิกในไตรมาสแรกของปี 2568 ยังคงอยู่ที่ 7:1 หรือตั้ง 7 ราย เลิก 1 ราย” นางอรมน กล่าว

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 2568) มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 1,988,655 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 30.49 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ 942,367 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22.24 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็นบริษัทจำกัด 743,784 ราย หรือ 78.93% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 16.44 ล้านล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 197,094 ราย หรือ 20.91% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 0.43 ล้านล้านบาท และบริษัทมหาชนจำกัด 1,489 ราย หรือ 0.16% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 5.37 ล้านล้านบาท

สำหรับนิติบุคคลในกลุ่มธุรกิจบริการเป็นประเภทธุรกิจที่มีสัดส่วนการจดทะเบียนมากที่สุดมีจำนวน 509,271 ราย ทุนจดทะเบียน 12.81 ล้านล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีก 309,015 ราย ทุน 2.56 ล้านล้านบาท และธุรกิจผลิต 124,081 ราย ทุน 6.87 ล้านล้านบาท คิดเป็น 54.04%, 32.79% และ 13.17% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ตามลำดับ