ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว จากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ หุ้นพุ่ง

ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันอังคาร จากที่สหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ และตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น ช่วยกระตุ้นราคาน้ำมันฟื้นตัว
รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบวันอังคาร (22 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย ว่า ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันอังคาร จากการที่สหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ และตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น ช่วยกระตุ้นให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวจากการขายออกอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ซื้อขายล่วงหน้า เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.78% ปิดที่ 67.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) สัญญาล่วงหน้าสำหรับเดือนพฤษภาคม ซึ่งหมดอายุลงในวันอังคาร เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.95% ปิดที่ 64.31 ดอลลาร์
ในวันอังคาร สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อผู้ประกอบการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวและน้ำมันดิบชาวอิหร่านและเครือข่ายธุรกิจของเขา
แม้ว่าการเจรจาระหว่างวอชิงตันและเตหะรานเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเตหะรานจะคืบหน้าไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การไม่สามารถบรรลุข้อตกลงอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่านท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้นของสหรัฐฯ จอห์น กิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนของ Again Capital ซึ่งตั้งอยู่ในนิวยอร์ก กล่าว
“ผลอาจจะออกทางใดทางหนึ่ง ข้อตกลงนิวเคลียร์บางอย่างอาจบรรลุได้ หรือ สหรัฐฯ พยายามกดดันให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านเหลือศูนย์ ซึ่งกำลังเป็นไปได้มากว่า จะไม่มีน้ำมันอิหร่านเพื่อส่งออกเลย” กิลดัฟฟ์กล่าว
ราคาน้ำมันฟื้นตัวตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
โรเบิร์ต ยาวเกอร์ นักวิเคราะห์ของ Mizuho กล่าวว่าการพุ่งสูงขึ้นของตลาดหุ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการเสี่ยงที่สูงขึ้นของนักลงทุน ยังช่วยหนุนราคาน้ำมันอีกด้วย
หุ้นสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การรายงานผลประกอบการของบริษัท หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดการเทขายอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า
ดัชนีราคาน้ำมันเบรนท์และ WTI ร่วงลงมากกว่า 2% ในวันจันทร์ เนื่องจากความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน และการเทขายหุ้น
นักวิเคราะห์เตือนว่า แม้ราคาน้ำมันจะฟื้นตัวขึ้น แต่ความกังวลว่าภาษีของสหรัฐฯ อาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกลดลงจะยังคงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในอนาคต
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้เมื่อวันอังคาร โดยอ้างถึงภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่สูงสุดในรอบ 100 ปี และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งที่เพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน กระทรวงเศรษฐกิจของรัสเซียปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยในปีนี้ ลงเกือบ 17% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนกันยายน ตามเอกสารที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รับมา
การสำรวจเบื้องต้นของสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์แสดงให้เห็นว่าคาดว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ จะลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ปริมาณน้ำมันกลั่นมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ก่อนที่จะมีรายงานรายสัปดาห์จากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (American Petroleum Institute) และสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (Energy Information Administration)