ย้อนดูกฎหมายกู้เงิน 9 ฉบับ 5 รัฐบาล ตุน ‘กระสุนการคลัง’ สู้วิกฤติ

ย้อนดูกฎหมายกู้เงิน 9 ฉบับ 5 รัฐบาล ตุน ‘กระสุนการคลัง’ สู้วิกฤติ

ย้อนรอย 5 รัฐบาลไทยกับ 9 ฉบับกฎหมายกู้เงินในรอบ 30 ปี ที่ออกมาเพื่อรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ ตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งถึงโควิด-19 รัฐบาลต้องงัด "กระสุนการคลัง" มาใช้ในยามจำเป็น

KEY

POINTS

  • ตั้งแต่ปี 2541 ถึง 2564 ประเทศไทยมีการออกกฎหมายกู้เงินทั้ง พ.ร.ก. และร่าง พ.ร.บ. รวม 9 ฉบับ โดยเป็น พ.ร.ก.ที่มีผลบังคับใช้ 7 ฉบับ อีก 2 ฉบับที่เป็น พ.ร.บ.ไม่ผ่านการประกาศใช้
  • เหตุผลหลักในการออก พ.ร.ก. คือ วิกฤติ ที่เป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจหลังวิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ มหาอุทกภัย หรือโรคระบาดโควิด-19
  • บทบาทของนโยบายการคลังในภาวะวิกฤติ เมื่อการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว รัฐจึงต้องก้าวขึ้นมาใช้จ่ายผ่านนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่หลายครั้ง ตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 จนถึงวิกฤติโควิด-19 ในปี 2563 ซึ่งได้สร้างแรงกดดันต่อระบบเศรษฐกิจทั้งในระดับมหภาค และระดับจุลภาคเป็นอย่างมาก

ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจอย่างการบริโภค การลงทุนภาคเอกชน หรือแม้แต่การท่องเที่ยวชะลอตัวลง ในช่วงเวลาดังกล่าวนโยบายการคลังที่มีภาครัฐเป็นกำลังหลักต้องเข้ามาเป็นพระเอกในการพยุงเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถเคลื่อนผ่านไปได้จนกระทั่งวิกฤติเศรษฐกิจคลี่คลาย

การใช้นโยบายการคลังผ่านการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เพื่อการกู้เงิน จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการเยียวยา และกระตุ้นเศรษฐกิจในยามวิกฤติ เพื่อให้รัฐบาลมี “กระสุน” ไว้ใช้จ่าย พยุงเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินที่เข้ามาเพิ่มเติมจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่มีการออกมาเป็นประจำทุกปี

ทั้งนี้หากมองย้อนไปในอดีตตั้งแต่หลังวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี  2540 มี รัฐบาล 5 ชุดที่มีการกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  ได้แก่ รัฐบาลชวน หลีกภัย, รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร, รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้ใช้อำนาจในทางการบริหารของรัฐบาลมาใช้ออกกฎหมายกู้เงิน

โดยรวมในช่วง 5 รัฐบาล มีกฎหมายการกู้เงิน 9 ฉบับ ในจำนวนนี้ เป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก. )ที่มีผลบังคับใช้จริง 7 ฉบับ ส่วนที่เหลืออีก 2 ฉบับเป็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ที่ไม่ผ่านการประกาศใช้ ซึ่งมีทั้งที่ถอนออกจากสภาฯ และไม่ผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ  

สำหรับ พ.ร.ก.ทั้ง 7 ฉบับที่รัฐบาลมีเหตุผลในการออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมโดยมีการให้เหตุผลว่าเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดย พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 7 ฉบับมีรายละเอียดดังนี้

1.พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท โดยเป็นการออกกฎหมายในปี 2541 หลังวิกฤติต้มยำกุ้ง ในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ได้ออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท

2.พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน วงเงิน 3 แสนล้านบาท โดยออกในปี 2541 เช่นเดียวกัน โดย พ.ร.ก.ฉบับนี้มุ่งเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบธนาคารพาณิชย์ที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ล้มละลาย

3.พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง วงเงิน 7.8 แสนล้านบาท โดยออกในปี 2545 สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร  เพื่อดำเนินมาตรการต่อเนื่องในการปรับโครงสร้างหนี้ และฟื้นฟูภาคการเงินอย่างยั่งยืน หลังจากที่วิกฤติยังส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

 4.พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ (ไทยเข้มแข็ง) วงเงิน 4 แสนล้านบาท โดย พ.ร.ก.ฉบับนี้ ออกมาในปี 2552 ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ภายหลังเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2551 จนกระทบกับเศรษฐกิจโลก  ได้ออก พ.ร.ก.กู้เงินวงเงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ

นอกจากการออก พ.ร.ก.รัฐบาลก็มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงินอีกฉบับหนึ่งในวงเงินเท่ากัน แต่ภายหลัง ครม.ได้ตัดสินใจถอนร่างดังกล่าวออกจากสภาฯ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มกลับสู่ภาวะปกติทำให้รัฐบาลยกเลิกการออก พ.ร.บ.กู้เงินดังกล่าว

5.พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำ และวางรากฐานการพัฒนาประเทศ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท โดย พ.ร.ก.ฉบับนี้ ออกในปี พ.ศ. 2555 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังไทยเผชิญมหาอุทกภัยในปี 2554

ต่อมาในปี 2556 รัฐบาลชุดเดียวกันได้เสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลด้านวินัยการคลัง และการตรวจสอบที่ไม่ชัดเจน

6.พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจ และสังคมจากการระบาดของโรคโควิด-19 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท โดย พ.ร.ก.ฉบับนี้ออกในปี 2563 ในสมัยรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยแบ่งการใช้เงินออกเป็น 3 ส่วนคือ การสาธารณสุข การกระตุ้นการบริโภค และส่งเสริมการลงทุนโครงการขนาดเล็กเพื่อให้สามารถมีเงินจากการออก พ.ร.ก. หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในช่วงเกิดวิกฤติ

และ 7.พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มเติม วงเงิน 5 แสนล้านบาท โดย พ.ร.ก.ฉบับนี้ออกในปี 2564 สมัยพล.อ.ประยุทธ์ เช่นกัน เพื่อรองรับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยก่อนที่จะมีการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้มีการขยายเพดานหนี้สาธารณะจากไม่เกิน 60% เป็น 70% เพื่อรองรับการกู้เงินเพิ่มเติมด้วย

คงต้องจับตาดูว่าผลกระทบจากนโยบายภาษีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรงในระดับไหน แล้วจากการประเมินของรัฐบาลนั้นจะต้องมีการออกกฎหมายกู้เงินไว้รองรับหรือไม่ ในภาวะที่งบประมาณนั้นมีข้อจำกัดเหมือนกับภาวะในปัจจุบัน

 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์