'ซิน เคอ หยวน' โวยการตรวจสอบเหล็กไม่เป็นธรรม เตรียมอุทธรณ์ขอ BOI

‘ซิน เคอ หยวน’ จ้างทนาย 3 คน แจงเหล็กได้มาตรฐานตามกฎหมายกำหนด ปัดตอบปมเหล็กในโครงการตึก สตง. เหตุไม่ได้ร่วมกระบวนการตรวจสอบ เดินหน้าอุทธรณ์กรณี BOI เพิกถอนใบอนุญาต
นายปิยะพงศ์ คงมะลวน ทนายความ บริษัท เจ้าพระยาทนายความ จำกัด ตัวแทนจาก บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด (SKY) เปิดเผยถึง กรณีบริษัทตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นที่ผลิตขึ้นโดยไม่เป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม โดยระบุว่า ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับเหล็กเส้นข้ออ้อยของบริษัทไม่มีมาตรฐาน มอก.กำหนดนั้น บริษัทต้องการยืนยันว่าการผลิตเหล็กเป็นไปตามมาตรฐาน และกระบวนการผลิตของโรงงานก็เป็นไปตามกฎหมายกำหนด
โดยบริษัท ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และมีมาตรฐาน ISO 9001 เป็นมาตรฐานตามที่ BOI กำหนด อีกทั้งที่ผ่านมาไม่เคยถูกร้องเรียนเรื่องมาตรฐานจากตัวแทนจำหน่าย และจากการประกอบการตลอดระยะเวลา 5 ปี เสียภาษีตั้งแต่ปี 2562 - 2566 รวมประมาณ 856 ล้านบาท ดังนั้นเรื่องกล่าวหาว่าบริษัท เป็น จีนเทา เรื่องนี้ต้องขอความเป็นธรรมด้วย อีกทั้งจากการทำธุรกิจที่ผ่านมาบริษัท ยังช่วยเหลือสังคมมอบหน้ากากอนามัยในช่วงโควิดมูลค่าหลายร้อยล้านบาท
ส่วนกรณีเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (อาคาร สตง.) และเกิดเหตุถล่มนั้น ขณะนี้บริษัท ได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการมองว่าสาเหตุหลักของอาคารมาจากเหล็กเส้นของบริษัท กระแสสังคมทำให้บริษัทตกเป็นจำเลยไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ความจริงจะค่อยๆ ปรากฏ โดยสาเหตุหลักน่าจะมาจากส่วนอื่น แบบก่อสร้าง วิศวกร หรือลดสเปกต่างๆ สังเกตจากที่ผ่านมาเริ่มมีนักวิชาการออกมาวิเคราะห์ ออกมาพูดถึงความจริงต่างๆ ว่าเหล็กเส้นเป็นองค์ประกอบส่วนน้อยหากจะมองถึงสาเหตุหลักน่าจะเกิดจากเรื่องการออกแบบก่อสร้าง และการลดสเปกของงาน
“เหล็กที่เอาไปสร้างตึก สตง.เป็นการขายผ่านดีลเลอร์ ซึ่งเมื่อจะใช้งานลูกค้าก็ต้องตรวจสอบมาตรฐานซ้ำก่อนใช้ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีลูกค้าร้องเรียนเรื่องมาตรฐาน แต่การตรวจสอบของตึก สตง. ทราบว่าเป็นการนำเหล็กที่ใช้งานแล้วไปตรวจสอบมาตรฐาน ส่วนนี้ก็มองว่าอาจจะใช้อ้างอิงมาตรฐานไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย และตอนนี้สาเหตุหลักของอุบัติเหตุก็ยังไม่ได้สรุป”
นายปิยะพงศ์ กล่าวด้วยว่า การดำเนินงานหลังจากนี้บริษัท ได้เตรียมชี้แจงเรื่อง มาตรฐานเหล็ก และโรงงานการผลิตกับกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากได้รับหนังสือให้กรรมการ และวิศวกรไปชี้แจงเพิ่มเติมจากกรณีโรงงานผลิตเหล็ก ที่อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ถูกสั่งปิดเมื่อปลายเดือนธ.ค.2567 จากเหตุการณ์แก๊สระเบิด และมีกระบวนการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และได้เข้ามาตรวจสอบเหล็กจากเหตุเพลิงไหม้โรงงาน และพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานจนมาสั่งปิดโรงงาน เรื่องนี้ก็กำลังชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งกำลังจะทำนัดหมายเข้าไปชี้แจงเร็วๆ นี้
ส่วนกรณีถูกเพิกถอนสิทธิประโยชน์ BOI โดยให้สาเหตุว่าบริษัท ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกรมโรงงานขณะนี้กำลังดูรายละเอียดของการเพิกถอน ว่ามีสิทธิประโยชน์ส่วนใดที่หายไปบ้าง เนื่องจากสิทธิประโยชน์มีหลายส่วน ทั้งสิทธิประโยชน์เงินได้ ทางภาษีตรงนี้หมดไปแล้ว แต่ตัวไหนจะหมดไม่หมดต้องดูก่อน เช่น สิทธิประโยชน์เครื่องจักร และสิทธิประโยชน์การจ้างงาน อีกทั้งบริษัท จะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ BOI ในการเพิกถอนสิทธิประโยชน์ ซึ่งมีกรอบต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีคำสั่งในช่วงสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัท มีสถานะหยุดประกอบกิจการตามคำสั่งกรมโรงงาน แต่บริษัท ยังคงจ้างพนักงานตามปกติ ซึ่งการสั่งปิดโรงงานเกิดเฉพาะส่วนของโรงงานบ้านค่าย และปัจจุบันอยู่ระหว่างนัดหมายเข้าไปชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อรอคำสั่งให้เปิดโรงงาน ส่วนแผนธุรกิจหลังจากนี้ ทราบว่าทางทีมผู้บริหารอยู่ระหว่างปรึกษาผู้ถือหุ้นว่าจะดำเนินธุรกิจในไทยต่อไปอย่างไร เนื่องจ่ากเหตุที่เกิดขึ้นนั้นบริษัท ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก
นายสุรศักดิ์ วีระกุล ทนายความ กล่าวเสริมว่า ประเด็นเรื่องคุณภาพเหล็กที่ สมก. นำไปจากโรงงานที่เกิดเหตุไฟไหม้ และทดสอบ 2 ครั้ง ครั้งแรกในเดือนธ.ค.2567 ทาง สมอ.ขอเก็บตัวอย่างไปตรวจมีหลายขนาด และพบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน (ต้องน้อยกว่า 0.0008%) และความสูงของบั้งต่ำเกินไปมีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต ต่อมาครั้งที่ 2 ทางบริษัท ยื่นอุทธรณ์ขอตรวจเหล็กเส้นข้ออ้อยจากตัวอย่างเดิมเป็นครั้งที่สอง ซึ่งผลยังไม่ผ่านมาตรฐานเช่นเดิม
โดยบริษัท ขอชี้แจงว่า การทดสอบดังกล่าวทำที่สถาบันเหล็ก และเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถในการวัดตามเกณฑ์ที่ มอก. กำหนด ทางบริษัท ขอให้มีการตรวจพิสูจน์ซ้ำเป็นครั้งที่สาม ที่สถาบันยานยนต์ ซึ่งมีเครื่องมือที่สามารถวัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ทาง สมอ. ยืนยันว่าจะไม่มีการตรวจ ครั้งที่ 3 เรื่องนี้จึงต้องตั้งข้อถึงกระบวนการของ สมอ. ที่นำเหล็กตัวอย่างท่อนแรกไปตรวจซ้ำ แทนที่จะใช้เหล็กท่อนอ้างอิงตามหลักปฏิบัติทั่วไป ซึ่งปกติจะมีการตัดเหล็ก 3 ท่อน โดย สมอ. เก็บ 1 ท่อน โรงงานเก็บ 1 ท่อน และส่งตรวจ 1 ท่อน
ส่วนกรณีฝุ่นแดง/ฝุ่นดำ ที่ถูกอายัดจากที่โรงงานจังหวัดระยอง นั้น บริษัทชี้แจงว่าเป็น ฝุ่นดำ ซึ่งมีสังกะสีปนเปื้อนสูง เกิดจากกระบวนการผลิตตามปกติ และมีการจัดการตามข้อกำหนดการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) การเคลื่อนย้ายต้องได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทยืนยันว่าได้ดำเนินการแจ้งขออนุญาตแล้วทุกครั้งที่มีการเก็บ และเคลื่อนย้าย ส่วนปริมาณฝุ่นแดง/ฝุ่นดำที่มีปริมาณเกือบ 5 หมื่นตันเป็นความคลาดเคลื่อนในการใส่ข้อมูลในระบบออนไลน์ ซึ่งได้ชี้แจงกับทางอุตสาหกรรมจังหวัดระยองแล้ว
ส่วนกรณีระบบเตาหลอม ยืนยันว่าเป็นเตาหลอมแบบเทคโนโลยี IF โดยบริษัทยืนยันว่าเป็นเตาใหม่ที่ทันสมัย ไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนข้อกล่าวหาการวิ่งเต้น บริษัทปฏิเสธข่าวลือเรื่องการใช้เงิน 300 ล้านบาท เพื่อวิ่งเต้นเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบมาตรฐาน และพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการสืบสวนหาผู้กระทำผิดที่ปล่อยข่าวลือดังกล่าว โดยบริษัทขอความเป็นธรรม เนื่องจากสาเหตุของการถล่มของอาคาร สตง. ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน และยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล และมาตรฐานสากลต่อไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์