ลงทุนโลกปี68เปลี่ยนใหญ่สหรัฐกลับบ้าน-จีนลุยอินเวสนอกประเทศ

ลงทุนโลกปี68เปลี่ยนใหญ่สหรัฐกลับบ้าน-จีนลุยอินเวสนอกประเทศ

การลงทุนเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก ในปี 2568 การเม็ดเงินลงทุนยัง ทั่วโลกจะหมุนไปอยู่ที่ภูมิภาคใดและแนวโน้มการลงทุนใดจะได้รับความนิยม

รายงาน Global Investment Trends Monitor จัดทำโดยการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด เผยแพร่เมื่อม.ค. 2568 ดังนั้น รายงานฉบับนี้จึงไม่ได้รวมปัจจัยกำแพงภาษีที่รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ได้ก่อขึ้นแล้วเมื่อ 4 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา แต่ภาพรวมการลงทุนจากรายงานฉบับนี้น่าจะพอเป็นอีกเลนส์ที่ส่องหาความชัดเจนท่ามกลางฝุ่นแห่งความสับสนทางการค้าที่กำลังตลบอยู่ในขณะนี้ 

แนวโน้มของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)ทั่วโลกในปี2568  จะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบาย โดยรวมซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วมากขึ้นในสหรัฐเนื่องจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง 

ขณะที่ในสหภาพยุโรป ซึ่งปัจจุบันมีระดับการลงทุนต่ำมากทำให้เทรนด์การเติบโตของการลงทุนจะสูงโดยไม่ยากนัก ส่วนภูมิภาคที่อยู่ติดหรือเชื่อมโยงกับตลาดพัฒนาแล้วที่สำคัญ เช่น อาเซียน ยุโรปตะวันออก เอเชียตะวันตก แอฟริกาเหนือ และบางส่วนของอเมริกากลาง อาจได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

ทั้งนี้ ตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการลงทุนโลก ได้แก่ ตัวบ่งชี้มหภาค ทั้ง GDP การค้า อัตราเงินเฟ้อ ความผันผวนของสกุลเงินและตลาดการเงิน  รวมไปถึงแนวโน้มเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงต่างๆตามพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์และการแยกตัวทางเศรษฐกิจ การพัฒนานโยบายและกฎระเบียบ และบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มนักลงทุนที่สำคัญเพิ่มขึ้น เช่น กองทุนไพรเวทอิควิตี้และนักลงทุนของรัฐ 

เส้นทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลต่อแนวโน้มของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ การเติบโตของ GDP คาดว่าจะยังคงมีเสถียรภาพ โดยมีการคาดการณ์ที่ดีขึ้นเล็กน้อยจากการค้าและการลงทุนซึ่งเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่มูลค่าโลก วัฏจักรการลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเศรษฐกิจหลักที่อาจช่วยลดต้นทุนการกู้ยืม ซึ่งช่วยกระตุ้นการลงทุนข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการลงทุนต่างๆ

อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ว่าการลงทุนแบบควบรวมและซื้อกิจการจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าอาจไม่ส่งผลให้การควบรวมและซื้อกิจการข้ามพรมแดนเติบโตเท่ากันในสภาพแวดล้อมนโยบายปัจจุบันก็ตาม

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของภาคส่วนจะยังคงส่งผลต่อภูมิทัศน์ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

โดยเฉพาะการลงทุนในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น AI คลาวด์คอมพิวติ้ง และความปลอดภัยทางไซเบอร์มีแนวโน้มที่จะควบคุมกระแสการลงทุน เนื่องจากบริษัทต่างๆ ปรับปรุงการดำเนินงานให้ทันสมัยและดิจิทัล โครงการศูนย์ข้อมูลและการผลิตเซมิคอนดักเตอร์เป็นโครงการลงทุนชั้นนำอยู่แล้ว 

การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปแบบการลงทุนเช่นกัน โครงการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน ไฮโดรเจนสีเขียว และห่วงโซ่อุปทานของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้จำนวนโครงการเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าการลงทุนระหว่างประเทศด้านพลังงานหมุนเวียนจะชะลอตัวลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา

นโยบายการค้าโลก ภาษีศุลกากร และนโยบายอุตสาหกรรมที่มุ่งดึงดูดกำลังการผลิต อุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ และภาคส่วนที่อ่อนไหวต่อความมั่นคงจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ”

นอกจากนี้ การแยกตัวของเศรษฐกิจโลกกำลังเบี่ยงเบนการลงทุนจากการลงทุนข้ามพรมแดนไปยังการลงทุนในประเทศหรือไปยังสถานที่ที่มีความสอดคล้องทางภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้นซึ่งมีกำลังการผลิต โครงสร้างพื้นฐาน และการเข้าถึงตลาดที่จำเป็นเพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงความต้องการทางการค้าและความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน แนวโน้มเหล่านี้ยังคาดว่าจะผลักดันการไหลของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในภูมิภาคอีกด้วย 

แนวโน้มที่แตกต่างกันในสภาพแวดล้อมของนโยบายและกฎระเบียบจะเป็นปัจจัยสำคัญ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐ อาจนำทางในการปรับกฎระเบียบทางธุรกิจให้คล่องตัวขึ้นและสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุน ขณะเดียวกันก็เข้มงวดยิ่งขึ้นและการตรวจสอบยิ่งขึ้นในภาคส่วนด้านความมั่นคง เช่น การป้องกันประเทศ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐ และสหภาพยุโรปจะยังคงดำเนินต่อไป 

กองทุนไพรเวทอิควิตี้และนักลงทุนสถาบันมีเงินทุนสำรองเพียงพอและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากความชอบของบริษัทเทคโนโลยีและความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบัน 

“บริษัทไพรเวทอิควิตี้คาดว่าจะขับเคลื่อนการลงทุน FDI ในตลาดเกิดใหม่และภาคส่วนที่มีการเติบโตได้ดี โดยนักลงทุนสถาบัน รวมถึงนักลงทุนของรัฐ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญของรัฐและกองทุนความมั่งคั่งของรัฐ ต่างแสดงให้เห็นถึงความต้องการสินทรัพย์ที่ต้านทานเงินเฟ้อในระยะยาว เช่น โครงการโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้กระแสการลงทุนFDI ชะลอตัวลง ความไม่แน่นอนของนโยบาย ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดการเงินจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความน่าดึงดูดใจของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในบางภูมิภาค

แนวโน้มที่อ่อนแอในดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเป็นเครื่องยืนยันถึงระดับความไม่แน่นอนที่ยังสูง โดยนักลงทุนจากสหรัฐยังคงให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเงินทุนในประเทศมากกว่า และนักลงทุนจากจีนกำลังมองหาโอกาสนอกตลาดบ้านเกิดของตน

การลงทุนจากต่างประเทศจากสหรัฐในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาลดลงจากจุดสูงสุดถึง30% ของการใช้จ่ายเงินทุนเพื่อการพัฒนาใหม่ทั่วโลกในปี 2563 เหลือ 14% ปี2567 ขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นจาก 4% เป็น 12% ของการลงทุนเพื่อการพัฒนาใหม่ทั่วโลกในปีที่แล้ว